หนึ่งในผลกระทบด้านลบของโซเชียลมีเดียที่เราพูดถึงกันมาแล้วหลายครั้ง คือ วัฒนธรรมแห่งการเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่น (toxic culture of comparison) โดยเฉพาะการเปรียบเทียบในเรื่องรูปร่างหน้าตา เพราะโซเชียลมีเดียมักเสนอภาพความสวยงามที่เกินจริง (unrealistic beauty standard) ไม่ว่าจะเป็น เซเลบริตี้ที่สวยหล่อเลิศเลอ หรือ ภาพของผู้คนจำนวนมากที่ผ่านการปรับแต่งจนมีใบหน้าและรูปร่างไร้ที่ติ ทำให้เป็นไปได้ว่าเมื่อเราเห็นภาพเหล่านั้นซ้ำๆ ทุกวัน จึงเกิดความรู้สึกไม่พอใจกับรูปร่างหน้าตาของตัวเอง จนอาจนำไปพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติ (eating disorder) รวมทั้งภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวล ซึ่งนับเป็นโรคทางใจที่ส่งผลร้ายต่อทั้งตัวผู้ป่วยเองและสังคมรอบข้าง
ในระยะหลังมานี้ เมื่อโซเชียลมีเดียและสื่อต่างๆ ก่อให้เกิดความไม่พึงพอใจในรูปร่างหน้าตาของคนในสังคมมากขึ้นเรื่อยๆ เราจึงได้เห็นแนวคิดความเคลื่อนไหวหลายอย่างที่พยายามเข้ามาช่วยบรรเทาความรู้สึกในด้านลบนี้ อย่างหนึ่งเรื่องที่เราเคยเสนอไป คือ Grey Hair is a New Power ก็เป็นแนวคิดที่เข้ามาช่วยให้ผู้หญิงปลดแอกความคาดหวังจากสังคมว่า “ห้ามแก่ ห้ามมีผมหงอก” ส่วนในครั้งนี้ เราก็มีอีกแนวคิดที่น่าสนใจมาฝากกัน นั่นคือ Body Positivity ซึ่งเหมาะมากสำหรับใครก็ตามที่กำลังรู้สึกว่า ฉันอ้วนไป ผอมไป ขาใหญ่ไป หน้าอกเล็กไป… หรือพูดง่ายๆ คือ “ฉันไม่พอใจกับรูปร่างของตัวเองเลย”
เชื่อหรือไม่ว่าตั้งแต่มีโซเชียลมีเดียและแอปพลิเคชันต่างๆ ที่ทำให้คุณสามารถปรับแต่งรูปภาพของตัวเองได้จนสวยหล่อไร้ที่ติ ศัลยแพทย์ความงามพบเคสคนไข้ที่เข้ามารับการผ่าตัดทำศัลยกรรม โดยต้องการให้ตัวเองมีรูปร่างหน้าตาเหมือนรูปที่ผ่านการปรับแต่งผ่านแอปฯ ผ่านฟิลเตอร์มากขึ้นเรื่อยๆ โดยนักจิตวิทยาถือว่า ความต้องการอยากให้ตนเองมีรูปร่างหน้าตาเหมือนการปรับแต่งผ่านแอปฯ นี้ เป็นภาวะทางจิตชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า ‘Snapchat Dysphoria’
Body Positivity เพราะรูปร่างของเราทุกคนล้วนสวยงามในแบบของตัวเอง
Body Positivity คือ แนวคิดที่สนับสนุนให้ทุกคนพึงพอใจและมั่นใจในรูปร่างของตัวเอง ไม่ว่าคุณจะมีรูปร่างอย่างไร สีผิวแบบไหน หรือว่ามีข้อบกพร่องด้านไหนก็ตาม คุณก็ควรยอมรับและมั่นใจในรูปร่างของคุณ หรือแม้ว่ารูปร่างของคุณจะเปลี่ยนแปลงไปตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น คุณก็ไม่ควรไปฝืนการเปลี่ยนแปลงนั้น จนเกิดเป็นความทุกข์ครอบงำจิตใจ ที่สำคัญ แนวคิดนี้อยากให้เราเล็งเห็นว่ามาตรฐานความสวยงามที่เลิศเลอเกินจริงของสังคมนั้น แทบเป็นไปไม่ได้เลยในชีวิตความเป็นจริง เพราะฉะนั้นทำไมเราต้องไปยึดถือภาพความฝันเหล่านั้นด้วย โดยเฉพาะว่าในชีวิตของเรามีเรื่องราวอีกมากมายที่สำคัญกว่ารูปร่างหน้าตาภายนอก
นอกจากนั้น เพราะ Body Positivity เป็นแนวคิดที่มีรากฐานมาจาก Fat Acceptance Movement หรือ การรณรงค์ให้ยอมรับความอ้วน ตั้งแต่ในทศวรรษ 1960 ที่เรียกร้องให้ผู้คนหยุดดูถูกเหยียดหยามหรือล้อเลียนผู้ที่มีน้ำหนักมากหรืออ้วน ดังนั้น Body Positivity จึงพยายามให้เราเปลี่ยนการโฟกัสจากตัวเลขบนเครื่องชั่งน้ำหนักไปยัง ‘สุขภาพที่ดี’ รวมทั้งข้อความที่ว่า ‘ร่างกายของพวกเราทุกคนล้วนสวยงามในแบบของมันเอง’
แล้วเราจะรักตัวเองด้วยวิธีคิดแบบ Body Positivity ได้อย่างไร?
ให้พูดว่าเราพอใจกับรูปร่างของตัวเองมันก็ง่าย แต่พอต้องลงมือทำจริงๆ หรืออยู่ในสังคมที่เต็มไปด้วยสุ้มเสียงบอกว่าอย่างโน้นดี อย่างนี้ไม่ดี มันก็เป็นเรื่องยากพอดูที่เราจะคงความเป็นตัวเองไว้ได้ แต่ใครที่อยากรักตัวเองให้ถูกทางด้วยการเริ่มต้นจากรักรูปร่างของตัวเองขึ้นมาบ้างแล้ว ขอให้ลองดูวิธีเหล่านี้ค่ะ
– ยอมรับความจริง
อันดับแรก เราปฏิเสธไม่ได้ว่าสังคมที่เราอยู่นั้นมีมาตรฐานเกี่ยวกับความงามชัดเจนว่าเรือนร่างที่สวยงามนั้นเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้น เราต้องยอมรับค่ะว่านี่คือค่านิยมของสังคม แต่… ถามตัวเองดูว่า คุณจำเป็นต้องเชื่อตามนั้นไหม โอเค คุณอาจยอมรับค่านิยมนั้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า คุณต้องเดินตามติดมันไปทุกฝีก้าว เพราะมันไม่จำเป็นเลยที่คุณต้องเป็นทุกอย่างตามที่สังคมต้องการ ท่องไว้ค่ะว่า เป็นตัวของตัวเองดีที่สุด
– อย่าหลอกตัวเอง
การที่ Body Positivity บอกว่า เรือนร่างของเราทุกคนล้วนสวยงามในแบบของตัวเองนั้น ไม่ได้หมายความว่าเราสนับสนุนให้คุณตื่นเช้าขึ้นมาแล้วสะกดจิตตัวเองหน้ากระจกว่า ฉันสวย ฉันหุ่นดี นะคะ แต่เราอยากให้คุณลองสังเกตตัวเองว่า เมื่อไรที่คุณเริ่มมีความคิดด้านลบเกี่ยวกับตัวเอง เมื่อนั้นให้คุณรู้ตัว และบอกตัวเองให้ยอมรับความจริง ว่ารูปร่างของเราแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไป เราไม่สามารถควบคุมเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้ และเราควรพอใจกับสิ่งที่เรามี
– คุณค่าของเราไม่ได้อยู่ที่รูปร่างหน้าตา
วิธีหนึ่งที่จะทำให้เราพอใจกับสิ่งที่เรามีได้ คือการเข้าใจว่าคุณค่าในตัวเราไม่ได้อยู่ที่รูปร่างหน้าตา แต่อยู่ที่ความคิดและการกระทำของเราต่างหาก ลองนึกให้ดีค่ะว่าชีวิตของคุณมีอะไรที่สำคัญกว่าแค่เรื่องรูปลักษณ์ภายนอกนี้อีกมากมาย ขอแค่คุณมีสุขภาพที่แข็งแรงเพื่อที่จะได้ทำสิ่งดีๆ ให้กับคนรอบข้างและสังคม นี่ต่างหากคือคุณค่าที่แท้จริงของตัวคุณ
– รักตัวเองให้ถูกทาง ด้วยการดูแลสุขภาพ
สิ่งหนึ่งที่ Body Positivity เน้นย้ำเป็นพิเศษคือ เราไม่ควรควบคุมการกินอาหารหรือว่ากินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ และออกกำลังกายอย่างหนัก ด้วยเหตุผลว่าเราต้องการมีรูปร่างอย่างที่สังคมต้องการ เพราะนั่นคือการรักตัวเองที่ผิดถนัดเลยค่ะ
การรักตัวเองและดูแลตัวเองที่ถูกต้องที่สุด คือ การเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์เพื่อให้มีร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงสมบูรณ์ ออกกำลังกายเพื่อให้ตัวเองรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า และแข็งแรง เพราะอย่าลืมว่า สิ่งสำคัญกว่ารูปร่างที่สวยงามตามมาตรฐานสังคม คือ ร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง
– เลือกเสื้อผ้าการแต่งกายที่ทำให้คุณรู้สึกดีกับตัวเอง
เคล็ดลับข้อหนึ่งเพื่อให้คุณรู้สึกดีกับรูปร่างของตัวเองคือ อย่าซื้อเสื้อผ้าที่คุณคิดว่าจะเอาไว้ใส่ในอนาคตเมื่อคุณ ‘ผอม’ ลงจากที่เป็นอยู่ เพราะนั่นจะยิ่งเป็นการกดดันตัวเองและทำให้คุณเครียดได้
ทางที่ดีที่สุดคือ เลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับรูปร่างในปัจจุบัน โดยเฉพาะการแต่งกายที่ทำให้คุณมั่นใจ และพยายามดูแลตัวเองไม่ให้ตัวคุณขยายเกินไปกว่าเสื้อผ้าที่มีอยู่ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับการดูแลตัวเอง
– ออกห่างจากโซเชียลมีเดียบ้าง
สุดท้าย ถ้าคุณรู้ตัวว่าหยุดความคิดเรื่องอยากมีรูปร่างสวยเพอร์เฟกต์แบบมาตรฐานสังคมไม่ได้ และรู้ว่าส่วนหนึ่งมาจากการที่คุณเสพสื่อมากไป ให้ลองทำ โซเชียลมีเดียดีทอกซ์ (Social Media Detox) ดูบ้าง เชื่อเถอะว่า แล้วภาพสวยงามไร้ที่ติของผู้คนในนั้นจะค่อยๆ หายไปจากความคิดคำนึงของคุณ แถมโบนัสที่จะได้รับคือเวลามากมายมหาศาลให้คุณไปทำอย่างอื่นที่มีความสุขมากกว่า รวมทั้งความสงบในจิตใจ
สุดท้ายจริงๆ ค่ะ เราอยากฝากไว้ว่า การจะปลูกฝังแนวคิด Body Positivity ให้ทุกคนรักตัวเองให้ถูกทางโดยเริ่มจากการรักและพึงพอใจในรูปร่างของตนเองนั้น จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากสังคมในทุกภาคส่วน ซึ่งก็นับเป็นเรื่องดีที่ตั้งแต่ Body Positivity เริ่มเป็นที่สนใจเมื่อราวสิบปีก่อน แบรนด์สินค้าและแฟชั่นจำนวนหนึ่งก็เริ่มมีนโยบาย ‘งด’ รีทัชรูปภาพของนางแบบนายแบบให้ออกมาสวยงามเกินจริง อย่างในต่างประเทศก็เช่น แบรนด์ Dove เป็นต้น นอกจากนั้น เรายังเริ่มเห็นโฆษณาหลายชิ้นในบ้านเราหันไปใช้บริการนางแบบ plus size ที่ไม่ได้มีรูปร่างผอมบางแบบเดิมๆ แต่เจ้าเนื้อและสุขภาพแข็งแรง ซึ่งในอนาคต เราก็หวังว่าเราจะได้เห็นรูปร่างนายแบบนางแบบที่หลากหลายแบบนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ผู้คนในสังคมได้เล็งเห็นว่า ทุกรูปร่างมีความสวยงามในแบบของตัวเอง
และที่สำคัญที่สุด คุณค่าของพวกเราทุกคนไม่ได้อยู่ที่แค่เพียงรูปลักษณ์ภายนอก
–