เช็กลิสต์ว่าคุณมี ‘ชีวิตดี’ หรือว่า ‘ชีวิตหรูหราในนิยามใหม่’ แค่ไหน

Care / Self Care

คุณคิดว่าชีวิตของคุณ ‘หรูหรา’ ไหมคะ?

ถ้าได้คำตอบแล้ว เก็บคำตอบไว้กับตัวก่อนนะคะ แล้วลองอ่านบทความชิ้นนี้ดู เพราะบางทีการใช้ชีวิตระยิบระยับแบบดาวล้านดวงของคุณอาจไม่ได้หรูหราแท้จริงอย่างที่คุณเคยเข้าใจ หรือในทางตรงกันข้าม ชีวิตที่ไม่ได้มีข้าวของเงินทองมากมาย จนคุณคิดว่าปราศจากความหรูหราอย่างสิ้นเชิง จริงๆ แล้ว อาจเป็นชีวิตดีงามที่เต็มไปด้วย ‘ความหรูหราแบบใหม่’ ก็เป็นได้

ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา ความหมายของคำว่า ‘หรูหรา’ ในสังคมของเราเปลี่ยนแปลงไปมาก จากที่เมื่อก่อน เราเคยคิดว่าชีวิตหรูหราคือ ชีวิตที่มีหน้าที่การงานที่ดี ร่ำรวยเงินทอง มีบ้านหลังใหญ่ มีรถยนต์หรู และมีข้าวของแบรนด์เนมราคาแพง แต่มาทุกวันนี้ สินค้าแบรนด์เนมที่ถูกใช้เพื่อบ่งบอกถึงสถานะทางสังคมที่เหนือกว่าคนอื่น กลับไม่ได้มีค่ามากกว่าสินค้าที่มี ‘คุณค่าทางจิตใจ’ อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น สินค้าแบรนด์เล็กๆ แต่เป็นงานฝีมือชั้นเลิศ หรือสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่างเช่น รถไฟฟ้าพลังงานสะอาด Tesla ที่ปัจจุบันมีคุณค่ามากกว่าซูเปอร์คาร์หลายแบรนด์ไปแล้วเรียบร้อย หรือแม้แต่การเข้าพักโรงแรมห้าดาวในทุกวันนี้ก็กลับไม่สามารถสู้การเข้าพัก Airbnb บางแห่งได้ เพราะ Airbnb สามารถมอบความเป็นส่วนตัวและประสบการณ์ที่น่าจดจำจากการเข้าไปสัมผัสชุมชนและธรรมชาติได้มากกว่า

ในทำนองเดียวกัน วิถีชีวิตที่เราเคยมองว่าหรูหรา เพราะร่ำรวยเงินทองและได้ครอบครองข้าวของมากมาย มาทุกวันนี้ กลับไม่ได้สำคัญไปกว่า วิถีชีวิตที่ร่ำรวยเวลา อิสรภาพ มีสุขภาพกาย-ใจที่สมบูรณ์ และอาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี เหตุผลนั้นคงเป็นเพราะเราได้เห็นกันมานักต่อนักแล้วว่า การมีเงินทองมากมายไม่สามารถซื้อสุขภาพที่ดีได้ และการมีหน้าที่การงานมั่นคงก็อาจต้องแลกมาซึ่งเวลาสำหรับตัวเองและครอบครัว รวมถึงอิสรภาพในการใช้ชีวิตในแบบที่เราฝัน

เดาว่าตอนนี้หลายคนคงเริ่มอยากรู้แล้วว่า แล้วชีวิตของเราทุกวันนี้ ‘หรูหรา’ จริงแท้แค่ไหน? เพื่อให้คุณได้คำตอบที่ต้องการ เราก็เลยนำเอาเช็กลิสต์ ‘ชีวิตหรูหราแบบใหม่’ มาให้คุณได้ตรวจสอบกันว่าคุณได้ทั้งหมดกี่คะแนนจาก 10 ข้อนี้ และจริงๆ แล้ว ชีวิตของคุณ ‘ดี’ แค่ไหน 

1. นอนหลับอย่างมีคุณภาพ

ที่ผ่านมา hhc Thailand เน้นให้คุณเห็นความสำคัญของคุณภาพการนอนมาอย่างต่อเนื่อง ว่าส่งผลมหาศาลต่อสุขภาพทั้งกาย ใจ และสมองของเราอย่างไรบ้าง การนอนหลับอย่างมีคุณภาพในทุกๆ คืน จึงเป็นความหรูหราใหม่ข้อแรกที่สำคัญมาก เพราะมันหมายความว่าชีวิตคุณปราศจากความวิตกกังวล ความเครียด ภาวะซึมเศร้า รวมทั้งคุณมีสมดุลของการใช้ชีวิตที่ดี คุณมีพื้นที่ส่วนตัวเป็นของตัวเอง ไม่ได้ถูกห้อมล้อมด้วยผู้คนจำนวนมากบ่อยครั้งเกินไป ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของการนอนไม่หลับ

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้มีเงินทองมากมาย แต่นอนหลับได้อย่างสนิททุกคืน 7-9 ชั่วโมง ดีใจด้วยค่ะ เพราะมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่มีทุกอย่างในชีวิต แต่กลับต้องกินยานอนหลับแทบทุกคืน

2. เริ่มต้นเช้าวันใหม่อย่างช้าๆ 

การเริ่มต้นเช้าวันใหม่อย่างไม่รีบเร่งหมายถึงการที่เราสามารถเลือกใช้เวลาของช่วงเช้าในแต่ละวันได้อย่างที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการค่อยๆ ละเลียดอาหารเช้า ออกกำลังกาย เล่นโยคะ อ่านหนังสือ ทำสมาธิ ทำสวน หรือใช้เวลากับครอบครัว คนรัก และสัตว์เลี้ยง

ทำไมการเริ่มต้นเช้าวันใหม่อย่างช้าๆ จึงจัดเป็นความหรูหราใหม่? Brooke McAlary ผู้เขียนหนังสือ ‘Slow: Simple Living for a Frantic World’ อธิบายไว้ว่า เพราะช่วงเวลาช้าๆ ในเช้าวันใหม่คือการให้เวลาและพื้นที่กับสิ่งที่สำคัญอย่างแท้จริงสำหรับตัวคุณ และนั่นหมายถึงการที่คุณเป็นอิสระจากความกดดันของภาระหน้าที่ทางสังคมที่มักบังคับให้คุณกลายเป็นหุ่นยนต์ที่ทำอะไรรีบเร่งแบบเดิมทุกวัน คือ ตื่นเช้า อาบน้ำแปรงฟัน แต่งตัว ออกไปทำงาน 

นอกจากนั้น McAlary ยังบอกอีกว่า การเริ่มต้นเช้าวันใหม่อย่างช้าๆ คือการทำความสะอาดจิตใจ และการเริ่มต้นวันอย่างสงบ ไม่รีบเร่ง จะช่วยเพิ่มพละกำลัง สมาธิ ความคิดสร้างสรรค์ ความจำ และลดความวิตกกังวลต่อภาระหน้าที่การงานที่รอเราอยู่ในวันนั้นได้ดี เพราะเธอและนักวิจัยอีกหลายคนเชื่อเหมือนกันว่า ถ้าเราตื่นมาและใช้เวลาช่วงเช้าอย่างไร วันทั้งวันที่เหลือก็จะเป็นอย่างนั้น

ปกติแล้ว คนกรุงเทพฯ ที่ทำงานประจำมักจะไม่สามารถใช้เวลาในตอนเช้าอย่างช้าๆ ได้ เราจึงขอแนะนำเพิ่มเติมว่า คุณอาจตระเตรียมความพร้อมสำหรับวันใหม่ไว้ตั้งแต่ก่อนเข้านอน เช่น เตรียมจัดกระเป๋าทำงาน หรือรีดชุดที่จะใส่ตั้งแต่หัวค่ำ จากนั้น อย่าลืมตื่นเช้าขึ้นอีกสักหน่อย เพื่อจะได้มีเวลาเป็นของตัวคุณเองมากขึ้น ที่สำคัญ ถ้าตื่นมาแล้วยังปิดโทรศัพท์มือถืออยู่ เรายิ่งแนะนำ เพราะคุณจะได้ใช้เวลากับตัวเองอย่างแท้จริง

3. ทำอาหารกินเอง

ถ้าหนึ่งในกิจกรรมช้าๆ ยามเช้าของคุณคือ การทำอาหารเช้ากินเอง โดยเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพแล้วล่ะก็ บอกเลยว่าชีวิตคุณจะยิ่งหรูหราเข้าไปอีกค่ะ! เพราะนอกจากการทำอาหารกินเองจะมีประโยชน์หลายอย่าง เช่น สามารถเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพและปลอดสารพิษ ควบคุมรสชาติและปริมาณ รวมทั้งประหยัดแล้ว ก็ยังเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ผ่อนคลายและสามารถทำร่วมกันกับสมาชิกในครอบครัวได้อย่างเพลิดเพลิน

4. มีเวลา ‘เล่นสนุก’

ถ้าถามว่าอะไรคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในวิถีชีวิตสมัยใหม่ เราตอบได้อย่างไม่ลังเลเลยค่ะว่าคือ ‘เวลา’

ปัจจุบันนี้ เราให้ความสำคัญกับสมดุลชีวิต หรือ Work-Life Balance กันมากขึ้น เราไม่ต้องการทำงานหนักเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการเวลาเป็นของตัวเอง เพื่อที่จะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักหรือใช้เวลากับคนที่เรารักมากขึ้น

แต่เวลาแค่ไหนจึงจะเรียกว่าเป็นสมดุลระหว่างงานและชีวิตที่แท้จริง? เราคิดว่ากฎคลาสสิคของ 8-8-8 น่าจะเป็นคำตอบหนึ่งที่ช่วยให้คุณแบ่งเวลาในแต่ละวันได้อย่างสมดุลมากขึ้น

กฎ 8-8-8 ที่ว่า หมายถึง ภายในหนึ่งวัน ให้คุณแบ่งเวลาสำหรับทำงาน (อย่างมีสมาธิ ตั้งใจ ไม่ว่อกแว่ก) ไว้ 8 ชั่วโมง สำหรับการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ 8 ชั่วโมง และอีก 8 ชั่วโมงที่เหลือสำหรับกิจกรรมอื่นๆ นอกเหนือจากการงานและการนอน เช่น งานบ้าน ออกกำลังกาย งานอดิเรก และกิจกรรมนันทนาการอื่นๆ 

ลองสังเกตการแบ่งเวลาในแต่ละวันของคุณดูนะคะ เผื่อว่าทุกวันนี้คุณอาจทำงานมากไป หรือบางคนก็อาจเล่นมากไป และทำงานน้อยไปจนทำให้รู้สึกว่าขาดคุณค่าในตนเองหรือไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในการทำงานได้ ถ้าเราปรับเวลาเล่นหรือเวลาสำหรับกิจกรรมสันทนาการให้สมดุลมากขึ้นกับเวลาทำงาน ชีวิตเราก็จะมีความสุขมากขึ้นค่ะ

5. มีอิสระในการเลือกใช้ชีวิต

งานที่คุณทำอยู่ คุณเป็นคนเลือกที่จะทำด้วยตัวเองหรือเปล่า? คุณอาศัยอยู่ในที่ที่คุณเลือกและมีความสุขกับมันหรือเปล่า? คุณได้เลือกความสัมพันธ์ที่มีอยู่อย่างเต็มใจหรือไม่? ในช่วงวันหยุดพักผ่อน คุณได้ใช้เวลาอย่างที่ตัวเองต้องการจริงๆ แค่ไหน?

ที่กล่าวไปนี้เป็นส่วนหนึ่งของอิสระในการเลือกใช้ชีวิตและจัดเป็นอีกหนึ่งความหรูหราใหม่ที่สำคัญมากเลยทีเดียว เพราะชีวิตเป็นของเราค่ะ เราจึงควรได้เลือกที่จะใช้มันอย่างที่เราต้องการ แม้สำหรับบางคนอาจไม่สามารถเลือกได้เต็มร้อยเปอร์เซนต์ แต่เราคิดว่าก็ไม่ควรจะน้อยกว่าสัก 60% 

แล้วเราก็ต้องยอมรับค่ะว่าหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้เราสามารถมีอิสระในการเลือกใช้ชีวิตได้ ก็คือ เราต้องมีอิสรภาพทางการเงินด้วย แต่อย่าสับสนกับความร่ำรวยจนเอาเงินเหล่านั้นไปใช้สุรุ่ยสุร่ายตามความหรูหราแบบเก่านะคะ เพราะแค่มีเงินพอกินพอใช้ เราก็สามารถมีอิสรภาพในการเลือกใช้ชีวิตได้แล้ว

ผลวิจัยจาก University of Michigan ในปี 2010 พบว่า การพูดคุยเล่นกับเพื่อนร่วมงานระหว่างช่วงพักกินกาแฟ ให้ผลเดียวกันกับการบริหารสมองด้วยการเล่นอักษรไขว้ นอกจากนั้น การสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้ยังเป็นการเปิดโลกทัศน์ และการสนทนาระหว่างเพื่อนฝูงก็เป็นช่วงเวลาผ่อนคลายที่ทำให้คุณได้ทั้งหัวเราะและสามารถระบายปัญหาหรือความรู้สึกที่คั่งค้างอยู่ในใจออกไปได้ ซึ่งส่งผลดีอย่างมากต่อสุขภาพใจของเรา

ถ้าคุณมีคนที่สามารถสนทนาอย่างมีคุณภาพด้วยได้ บอกเลยว่าคุณโชคดีมาก หรือถ้าคุณมีคู่สนทนาคุณภาพ แต่กลับไม่ค่อยมีเวลาพบปะพูดคุยกัน อย่าลืมหาโอกาสนัดสังสรรค์เพื่อเก็บเกี่ยวบทสนทนาดีๆ ระหว่างกันบ้าง

7. อ่านหนังสือดีๆ 

การอ่านหนังสือไม่ใช่แค่กิจกรรมนันทนาการที่มอบความบันเทิงให้คุณเท่านั้น แต่ถ้าหนังสือที่คุณอ่านเป็นหนังสือดีระดับขึ้นหิ้ง คุณยังจะได้เสพความรื่นรมย์ของภาษาที่สละสลวย ได้ข้อคิดจากเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ ที่สำคัญ การอ่านหนังสือยังคล้ายกับการทำสมาธิ ได้ฝึกจินตนาการด้วยการแปลงเรื่องราวที่ปรากฏอยู่ในตัวอักษรให้เป็นภาพด้วยตัวของเราเอง ไม่เหมือนกับการดูหนัง ดูซีรีส์ ที่ภาพและเสียงทั้งหมดถูกสร้างมาให้เราอย่างสมบูรณ์แล้ว สุดท้าย การอ่านหนังสือยังเป็นหนึ่งในวิธีของการใช้เวลากับตัวเองได้อย่างมีคุณภาพด้วยค่ะ

8. ฟังเสียงนกร้องเพลง

ถ้าคุณอยู่ในสถานที่ที่ได้ยินเสียงนกร้องเจื้อยแจ้วอยู่บ่อยๆ นั่นหมายความว่า คุณมีธรรมชาติรายล้อมอยู่รอบตัว นอกจากนั้น เชื่อหรือไม่ว่า เสียงนกร้องเพลงส่งผลดีต่อสุขภาพจิตของเราอย่างมาก อย่างในงานวิจัยของ Ryan Hammond นักจิตวิทยาและนักประสาทวิทยาจาก King’s College London ก็พบว่า การฟังเสียงอันไพเราะจากนกจะช่วยกำจัดอารมณ์ด้านลบให้ออกไปจากใจของเราได้ ไม่ว่าจะเป็น ความเครียด ความวิตกกังวล และอาการซึมเศร้า

ปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ยังไม่พบคำตอบว่าเสียงร้องของนกทำงานกับสมองของเราอย่างไร แต่พวกเขาก็เชื่อว่า เสียงนกช่วยเชื่อมต่อให้เรารู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติ และแน่นอนว่า การใกล้ชิดกับธรรมชาติส่งแต่ผลดีต่อสุขภาพของเรา

9. ชมพระอาทิตย์ขึ้น

คล้ายๆ กับการฟังเสียงนกร้อง การได้ชมพระอาทิตย์ค่อยๆ โผล่พ้นเส้นขอบฟ้าขึ้นมาในแต่ละวัน คือสัญญาณว่าคุณได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ แต่ความพิเศษของพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้ายังมีมากกว่านั้น เพราะพระอาทิตย์ขึ้นเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่ ทำให้คุณรู้สึกได้ถึงการละทิ้งสิ่งเก่าที่เลวร้ายไว้ในวันวานและหันมาเริ่มต้นวันใหม่อีกครั้ง

นอกจากนั้น การออกไปรับแสงธรรมชาติยามเช้ายังช่วยเพิ่มวิตามิน D ให้แก่ร่างกาย ช่วยปรับนาฬิกาชีวิตในตัวให้สมดุลมากขึ้น และแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆ เรืองรองขึ้นยังช่วยกระตุ้นให้สมองผลิตเซโรโทนิน (Serotonin) ที่ช่วยให้เรามีสุขภาพจิตที่ดี อารมณ์ดี มีสมาธิ และสามารถคิดตัดสินใจได้ดีขึ้น 

10. เดินระยะไกล

บอกก่อนเลยว่าใครได้ครอบครองความหรูหราใหม่ของชีวิตข้อนี้ ถือว่าเป็นโบนัสสุดๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การเดินที่ว่าควรจะเป็นการเดินท่ามกลางธรรมชาติและอากาศบริสุทธิ์ด้วยนะคะ

ประโยชน์ของการเดินนั้นมีมากมาย ตั้งแต่ เป็นการออกกำลังกายที่ดีที่สุด ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตให้ไปเลี้ยงสมองและกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเอ็นโดรฟิน (Endorphin) หรือฮอร์โมนความสุข รวมทั้งการมีโอกาสได้เดินท่ามกลางธรรมชาติและความเงียบสงบยังจัดเป็นการพักผ่อนชั้นดีที่คุณจะได้มีโอกาสคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต

สรุปรายการเช็กลิสต์ ‘ชีวิตหรูหราแบบใหม่’ 

  • unticked1. นอนหลับอย่างมีคุณภาพ
  • unticked2. เริ่มต้นเช้าวันใหม่อย่างช้าๆ 
  • unticked3. ทำอาหารกินเอง
  • unticked4. มีเวลา ‘เล่นสนุก’
  • unticked5. มีอิสระในการเลือกใช้ชีวิต
  • unticked6. มีบทสนทนาที่ดี
  • unticked7. อ่านหนังสือดีๆ 
  • unticked8. ฟังเสียงนกร้องเพลง
  • unticked9. ชมพระอาทิตย์ขึ้น
  • unticked10. เดินระยะไกล

เป็นยังไงกันบ้างคะ คุณติ๊กถูกกันได้กี่ข้อกันจากสิบข้อที่ผ่านมา ถ้าคุณติ๊กได้ 8-10 ข้อ จากเช็กลิสต์ เราอยากบอกว่า โอ้… ชีวิตคุณ ‘หรูหรา’​ มากค่ะ โดยเฉพาะสามข้อสุดท้ายที่ถ้าได้ครอบครองถือว่า ชีวิตคุณน่าอิจฉาจริงๆ ส่วนถ้าใครได้ 5-7 ข้อ ก็ถือว่าโอเคค่ะ ไม่เลวนัก แต่… ถ้าได้น้อยกว่านั้น เราอยากให้คุณลองหาโอกาสปรับสมดุลชีวิตอีกสักนิดนึง ลองดูว่ามีข้อไหนที่คุณพอจะเพิ่มเข้ามาในชีวิตได้บ้าง เพราะบางทีสิ่งเล็กๆ เหล่านี้อาจส่งผลมหาศาลต่อความสุขความสมดุลในชีวิตอย่างที่เราคาดไม่ถึงมาก่อนเลย

ที่มา: Big Life Journal – Alexandra Eidens

ข้อมูลอ้างอิงเพิ่มเติม:
washingtonpost.com
psychcentral.com
queensjournal.ca
awkwardsilence.com.au
robertsoncooper.com

บทความที่เกี่ยวข้อง