รู้หรือไม่ว่า โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s Disease) ถูกค้นพบตั้งแต่ พ.ศ. 2449 โดยจิตแพทย์ชาวเยอรมันที่ชื่อ Alois Alzheimer โรคนี้จึงถูกตั้งชื่อตามผู้ค้นพบ โรคอัลไซเมอร์เป็นสาเหตุหลักที่พบได้ถึง 80 % ของภาวะสมองเสื่อม ซึ่งคาดว่าใน พ.ศ. 2573 ประเทศไทยจะมีผู้ป่วยอัลไซเมอร์ราว 1.2 ล้านคน ในขณะที่ผู้ป่วยแต่ละคนจะมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 8 -10 ปี ดังนั้นการเตรียมตัวรับมือกับโรคอัลไซเมอร์ในตอนนี้จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม
อาการของโรคอัลไซเมอร์ 5 ระยะ
โรคอัลไซเมอร์ เกิดจากการสะสมของเสียซึ่งเกิดจากเซลล์ประสาท ที่เรียกว่า beta – Amyloid Protein จับตัวกันเป็นก้อนจึงเกิดเป็น Amyloid Plaque ซึ่งเป็นพิษสะสมอยู่ตามเซลล์ประสาทของผู้ป่วย ทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมเร็วกว่าการเสื่อมตามธรรมชาติของผู้สูงอายุที่มีความหลงลืมแบบทั่วไป ซึ่งโรคอัลไซเมอร์นั้นส่งผลต่อสมองหลายส่วน โดยเฉพาะสมองส่วนที่ควบคุมเกี่ยวกับความคิด ความทรงจำ และการใช้ภาษา ซึ่งสามารถแบ่งระยะของโรคอัลไซเมอร์ได้เป็น 5 ระยะ คือ
อาการในช่วงแรกๆ ของโรคอัลไซเมอร์นั้นจะเริ่มจากการสูญเสียความจำระยะสั้นก่อน เนื่องจากตัวโรคจะทำให้สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความจำใหม่ๆ เกิดความเสื่อมขึ้นก่อน เช่น เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นภายในหลักวัน หรือหลักชั่วโมง ผู้ป่วยจะจำไม่ได้ แต่จะยังจำเหตุการณ์ในอดีตระยะยาวได้ เช่น วันเกิดวันที่เท่าไหร่ บ้านเกิดอยู่ที่ไหน มีลูกกี่คน ยกเว้นในกรณีที่โรคอัลไซเมอร์เป็นรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ความจำระยะกลางและความจำระยะยาวจึงจะค่อยๆ สูญเสียตามมา เมื่ออาการของโรคดำเนินไประยะหนึ่งจะเริ่มส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ลืมวิธีการใช้ชีวิตประจำวันต่างๆ ลืมวิธีการใช้ช้อนส้อมรับประทานอาหาร ลืมวิธีการแต่งตัว การอาบน้ำ การขับถ่าย จึงพบได้บ่อยที่จะเห็นผู้ป่วยอัลไซเมอร์ระยะสุดท้ายเป็นผู้ป่วยติดเตียง
วิธีรับมือเมื่ออัลไซเมอร์ไม่ใช่แค่ ‘ลืม’
นอกจากอาการหลงลืมที่เกิดขึ้นแล้ว โรคอัลไซเมอร์ยังส่งผลให้ผู้ที่เป็นโรคมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอีกด้วย เช่น มีอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดก้าวร้าวได้ง่าย หวาดระแวง วิตกกังวล ไม่เข้าใจเหตุและผล ย้ำคิดย้ำทำ บางครั้งอาจดูเหมือนนิสัยเปลี่ยนไป เอาแต่ใจ จนทำให้ญาติที่ต้องดูแลรู้สึกท้อใจได้ แต่อยากให้เข้าใจว่าผู้ป่วยไม่ได้ตั้งใจและไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ พฤติกรรมที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากสมองที่ผิดปกติ ทำให้ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ การตัดสินใจ การใช้เหตุผลลดลง จึงทำให้เกิดอาการดังกล่าว โดยปัญหาในการดูแลผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ในแต่ละด้าน มีเทคนิคแนะนำดังนี้
เมื่อต้องเป็น ‘ผู้ดูแล’ ผู้ป่วยอัลไซเมอร์
ดังได้กล่าวมาแล้วว่า เมื่อผู้ป่วยไม่มีความสามารถที่จะดูแลตนเองได้ การจัดหาผู้ดูแลจึงเป็นสิ่งจำเป็น และสำคัญต่อชีวิตผู้ป่วยเป็นอันมาก เมื่อตกลงกันในครอบครัวได้แล้วว่าจะให้ผู้ใดทำหน้าที่นี้ ผู้ที่ได้รับมอบหมายต้องได้รับการถ่ายทอดความรู้ เรื่องราว และการดำเนินไปของโรค ตลอดจนพฤติกรรมต่างๆ ของผู้ป่วยที่จะต้องพบเจอ จนเข้าใจได้ถูกต้องก่อนเป็นอันดับแรก
‘ผู้ดูแล’ ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว หรือ ผู้ที่จัดหามาทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วย เมื่อทำงานไปได้สักระยะหนึ่ง ย่อมจะเกิดความเครียด ลำบากใจ จนเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาได้ จึงต้องหาตัวช่วยในการผ่อนคลาย ทั้งผู้ป่วยและตัวผู้ดูแลเอง ตัวช่วยดังกล่าวเรียกว่า ‘กิจกรรมบำบัด’ มีหลายอย่าง เช่น
- กิจกรรมการออกกำลังกาย ด้วยท่าบริหารง่ายๆ ช้าๆ เบาๆ แม้ผู้ป่วยที่นั่งวีลแชร์ก็สามารถทำได้ เมื่อผู้ดูแลเป็นผู้นำออกกำลังกายก็จะทำให้ได้ประโยชน์ทั้งตัวผู้ป่วยและตัวผู้ดูแลเองด้วย กิจกรรมนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยอัลไซเมอร์จึงควรทำอย่างสมํ่าเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 -5 ครั้ง และต้องพึงระวังว่าท่าบริหารที่นำมาใช้ต้องเป็นท่าช้าๆ แต่มั่นคง ไม่กระแทกข้อเข่าหรือเสี่ยงต่อการหกล้ม ซึ่งการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุดคือ การพาผู้ป่วยที่เดินได้ไปเดินเล่นในสนามหญ้า
- กิจกรรมที่ช่วยฟื้นฟูสมองได้ดี คือการพูดคุย ดูภาพที่สวยงาม ฟังเพลงที่มีดนตรีเบาๆ ถ้าสามารถหาภาพสถานที่หรือเพลงที่อยู่ในยุคสมัยของผู้ป่วยเมื่อครั้งหนุ่มสาวได้จะช่วยรื้อฟื้นและกระตุ้นความทรงจำได้เป็นอันมาก เมื่อหาภาพและเพลงได้แล้ว ผู้ดูแลควรชวนพูดคุยและตั้งคำถามที่เกี่ยวข้องกับสถานที่หรือบทเพลงให้ผู้ป่วยได้อธิบายโต้ตอบ แต่ทั้งนี้ ต้องไม่โมโหหรือหัวเราะเมื่อผู้ป่วยตอบคำถามผิด ไม่บังคับให้ผู้ป่วยตอบคำถามที่จำไม่ได้ ถ้าผู้ป่วยเริ่มหงุดหงิดควรพักหรือเปลี่ยนกิจกรรมทันที
- การสาธิตการดูแลตนเองให้กับผู้ป่วย เช่น การใช้ไม้เท้าก้าวเดินช้าๆ ระมัดระวังการหกล้ม การสวมใส่เสื้อผ้า การใช้อุปกรณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ควรสอนแบบสาธิตให้ดูเป็นขั้นตอน และให้ทำตามช้าๆ ใช้คำพูดสั้น กระชับ และชัดเจน เพื่อป้องกันความสับสน อาจต้องจับมือให้ทำตามและแนะนำไปด้วย แล้วต้องกลับมาทำซํ้าหากผู้ป่วยยังทำไม่ได้
‘กำลังใจของผู้ดูแล’ สำคัญต่อการดูแลผู้ป่วยอัลไซเมอร์
การดูแลผู้ป่วยอัลไซเมอร์นั้นมีผลต่อสุขภาพกายและใจของผู้ดูแลเป็นอย่างมาก หากเป็นบุตรหลานหรือญาติจะยิ่งเกิดความรู้สึกท้อแท้หมดหวังมากกว่าผู้ดูแลทั่วไป อยากให้ญาติผู้ที่ดูแลเข้าใจผู้ป่วยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอาการของโรคอัลไซเมอร์ เมื่อเราเข้าใจอย่างนั้นได้จะช่วยให้ความรู้สึกไม่ดีต่อพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้ป่วยลดลง อย่างไรก็ตามถึงแม้ญาติผู้ที่ดูแลจะเข้าใจอาการของผู้ป่วยเป็นอย่างดี แต่การดูแลผู้ป่วยตลอดเวลาต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานก็ทำให้ผู้ดูแลรู้สึกหมดไฟได้ ดังนั้นจึงควรมีคนผลัดเปลี่ยนช่วยกันดูแลบ้าง เพื่อไม่ให้ความเหนื่อยล้าสะสมอยู่กับญาติผู้ดูแลเพียงคนเดียว รวมถึงตัวผู้ดูแลเองก็ต้องหาเวลาสำหรับการพักผ่อน ดูแลกายและใจของตัวเองด้วยเช่นกัน ขอให้ถือเสมือนว่าการทำหน้าที่ของท่านนี้เป็นการทำบุญกุศลอันยิ่งใหญ่
–