ในปี 2565 ประเทศไทยได้เข้าสู่ ‘สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์’ (Complete Aged Society) ซึ่งแม้ว่าหลายคนอาจจะยังไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง แต่รู้หรือไม่ว่าในอีก 20 ปีข้างหน้าจำนวนคนเกิดจะยิ่งลดลงจนถึงขั้นติดลบ ในขณะที่ประชากรผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงมาก จนอาจสร้างปัญหาใหญ่อย่างน้อยสองประการคือ ปัญหาการขาดแคลนประชากรวัยแรงงาน และปัญหาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ
การเตรียมตัวใช้ชีวิตหลังเกษียณแบบที่ไม่ต้องพึ่งพาลูกหลาน อาจไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวอีกต่อไป วันนี้ ชีวิตดี by hhc Thailand เลยอยากชวนมาส่องชราแลนด์ยุคใหม่ ที่นอกจากจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ยังมีการปรับรูปแบบให้เหมาะสมกับวิถีชีวิตยุคใหม่มากขึ้นอีกด้วย
ปัจจุบันที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงวัยในประเทศไทยแบ่งออกได้กว้างๆ เป็น 2 รูปแบบ คือ บ้านพักคนชราแบบครบวงจร กับ บ้าน/คอนโดผู้สูงอายุ ทั้งสองแบบนี้เหมาะกับสุขภาพและไลฟ์สไตล์ของผู้สูงอายุที่แตกต่างกันไป โดยในภาพรวมบ้านพักคนชราจะเหมาะกับผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหรือไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ส่วนรูปแบบบ้าน/คอนโดผู้สูงอายุ จะเหมาะกับผู้ที่ยังช่วยเหลือตัวเองได้ดี ไม่ค่อยมีปัญหาสุขภาพ ต้องการอิสระมากกว่า นอกจากนี้ยังมีตัวแปรที่ต้องนำมาพิจารณอีกข้อก็คือรายได้และงบประมาณ ว่าจะเหมาะกับที่อยู่อาศัยแบบไหน
บ้านพักคนชราแบบครบวงจร
บ้านพักคนชราในปัจจุบันมีหลายรูปแบบและหลายระดับราคาให้เลือกมากขึ้น ค่าใช้จ่ายจะขึ้นอยู่กับรูปแบบของห้องพักและรายละเอียดในการดูแล เพราะแต่ละเคสก็จะมีความยากง่ายและรายละเอียดในการดูแลต่างกัน เช่นบางคนมีปัญหาสุขภาพที่ต้องได้รับการดูแลมากเป็นพิเศษ
จุดเด่นของบ้านพักคนชราก็คือ มีเจ้าหน้าที่และพยาบาลวิชาชีพคอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงมีบุคลากรทางการแพทย์ที่คอยช่วยฟื้นฟูสุขภาพผู้สูงอายุ เช่น นักกายภาพบำบัด นักโภชนากร มีอาหารบริการ 3 มื้อ บริการดูแลทำความสะอาด ซักผ้า รวมทั้งมีอุปกรณ์การรักษาพยาบาลที่เหมาะกับการดูแลผู้สูงอายุโดยเฉพาะ ที่นี่จึงเหมาะกับผู้สูงอายุที่มีอายุมาก ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ หรือไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ นอกจากนี้ก็มักจะมีการจัดกิจกรรมเสริมเพื่อเพิ่มความสัมพันธ์ในหมู่ผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ร่วมกัน และช่วยให้ผู้สูงอายุได้สนุก ผ่อนคลาย สบายใจ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้การดูแลทางกายเลยทีเดียว
โดยทั่วไปบ้านพักคนชราในแต่ละแห่งจะมีให้เลือกแบบห้องพักรวม ห้องพักคู่ ห้องพักเดี่ยว และอาจมีห้องพิเศษในรูปแบบบ้านเดี่ยวด้วย ค่าใช้จ่ายจะคิดเป็นค่าเช่ารายเดือน รวมทั้งอาจมีค่าแรกเข้าเพื่อใช้ในการบำรุงรักษาที่พัก ไม่รวมค่าน้ำค่าไฟที่คิดตามการใช้ของแต่ละคน ราคาค่าใช้จ่ายของแต่ละแห่งก็แตกต่างกันไปตามระดับการบริการ การเตรียมพร้อมทางการเงินควรจะต้องมีทั้งเงินก้อนเพื่อจ่ายค่าแรกเข้าและเงินสำหรับจ่ายรายเดือน
บ้าน/คอนโดผู้สูงอายุ
นิยามคำว่า ‘สูงอายุ’ ไม่ได้ถูกตีกรอบไว้กับความอ่อนแอ ความเจ็บป่วย หรือความไม่ทันสมัยอีกต่อไป เพราะความก้าวหน้าทางการแพทย์ การเข้าถึงการรักษาพยาบาล และเทคโนโลยีที่ทำให้การอัพเดทข้อมูลข่าวสารเป็นเรื่องง่าย ทำให้ทุกวันนี้ผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยยังคงมีสุขภาพดี แข็งแรง ดูแลตัวเองได้ดี ยังต้องการพบปะเพื่อนฝูง เข้าสังคม หรือออกท่องเที่ยวในโลกกว้างไม่ต่างจากวัยหนุ่มสาว
ด้วยเหตุนี้ก็เลยเกิดรูปแบบของที่อยู่อาศัยที่ต่างจากบ้านพักคนชราแบบเดิม โดยเน้นความเป็นอิสระและส่วนตัว แต่ก็ยังมีความสะดวกปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลยามฉุกเฉินติดต่อได้ตลอด 24 ชม. มีการออกแบบพื้นที่อยู่อาศัยด้วยแนวคิด universal design สะดวกปลอดภัยกับการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุมากขึ้น เช่น พื้นที่ทางลาด ขนาดของประตูและห้องพักที่เหมาะสำหรับรถเข็น วัสดุพื้นผิวที่ไม่ลื่นล้มง่าย รวมไปถึงการนำเทคโนโลยี smart home เข้ามาใช้ มีพื้นที่ส่วนกลางไว้ทำกิจกรรม และอาจมีการจัดกิจกรรมเพิ่มเติมให้ผู้สูงอายุ หรือมีบริการรถรับ-ส่งไปซื้อของหรือช้อปปิ้งตามเวลาที่กำหนด อะไรเช่นนี้เป็นต้น พูดง่ายๆ ว่าเป็นชุมชนที่มีความเป็นมิตรต่อสุขภาพกายใจและเอื้อให้ผู้สูงอายุใช้ชีวิตได้อย่างปกติ
โดยทั่วไป รูปแบบการซื้อขายบ้าน/คอนโดผู้สูงอายุรูปแบบนี้จะมีทั้งแบบขายสิทธิอยู่อาศัย 30 ปี (เมื่อครบกำหนดต้องคืนห้องหรือขยายเวลา) ขายสิทธิการอยู่อาศัยตลอดชีวิต (เมื่อเสียชีวิตต้องคืนห้อง) หรือแบบขายขาด (สามารถส่งต่อให้ผู้อื่นได้หลังจากเสียชีวิต) ดังนั้น ต้องมีการเตรียมความพร้อมด้านการเงินค่อนข้างสูง เพราะนอกจากต้องเตรียมจ่ายเงินก้อนใหญ่ในครั้งแรก จะต้องเตรียมเงินสำรองสำหรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันด้วย
โครงการที่พักอาศัยผู้สูงอายุแบบครบวงจร
ข่าวดีก็คือ ภาครัฐเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับปรากฎการณ์สังคมสูงวัยมากขึ้น ล่าสุดคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้จัดสร้างศูนย์ที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุแบบครบวงจร (Senior Complex) สำหรับประชาชนทั่วไป โดยเป็นการเช่าสิทธิการพักอาศัยระยะยาว 30 ปี มีผู้รับผิดชอบหลักก็คือ กรมธนารักษ์ และคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ภายใต้ชื่อ ‘โครงการที่พักอาศัยผู้สูงอายุรามาฯ-ธนารักษ์’ (Senior Housing) บนพื้นที่ 72 ไร่ ที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
- รูปแบบของโครงการ เป็นคอนโดมิเนียมที่ทันสมัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และมีสิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตรกับผู้สูงวัยที่มีสุขภาพแข็งแรงและพึ่งพาตนเองได้ดี ยึดหลักสถาปัตยกรรมเพื่อทุกคน (Universal Design Architecture) ออกแบบโดย บริษัท สถาปนิกชุมชนและสิ่งแวดล้อม อาศรมศิลป์ จำกัด
- บริการด้านสุขภาพครบวงจร มีพร้อมอยู่ภายในโครงการ ด้วยทีมแพทย์จากคณะแพทย์ศาสตร์ รพ.รามาธิบดี และยังใกล้ รพ.รามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ เพียงแค่ 800 เมตร พร้อมรองรับเหตุฉุกเฉินได้ตลอด 24 ชั่วโมง
- โครงการระยะที่ 1 เป็นอาคาร 8 ชั้น จำนวน 7 อาคาร มีห้องพักรวมทั้งสิ้น 921 ห้อง มีห้องพยาบาลประจำตึก และที่ขาดไม่ได้ก็คือพื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่จัดกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุ ได้แก่ สระว่ายน้ำ อาคาร Club House ห้องฟิตเนส และพื้นที่สวนขนาดใหญ่ที่ให้บรรยากาศผ่อนคลาย ใกล้ชิดธรรมชาติ
- ขนาดของห้องพัก มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่พื้นที่ใช้สอย 31.71 ตรม. ไปจนถึง 49.66 ตรม. ต่อห้อง ประมาณการค่าห้องพักตั้งแต่ 1,820,000 ถึง 3,051,000 บาท (เช่าสิทธิระยะยาว 30 ปี) ราคานี้ไม่รวมค่าใช้จ่ายส่วนกลางในการดูแลรักษาอาคาร ค่าใช้จ่ายรายเดือนในการดูแลสุขภาพ รวมไปถึงค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ต้องชำระตามจริง
- คุณสมบัติของผู้พักอาศัย จะต้องมีอายุตั้งแต่ 58 ปีขึ้นไป มีความสามารถทางการเงินในการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการพักอาศัย สามารถรับเงื่อนไขการขอสินเชื่อกับธนาคารที่เข้าร่วม และมีรายได้หลังเกษียณอย่างน้อย 30,000 บาทต่อเดือน โดยอาจเป็นรายได้โดยตรงของผู้สูงอายุ เช่น เงินบำนาญ เงินฝาก เงินออม หรือเป็นเงินสนับสนุนจากบุตรหลานก็ได้ ที่สำคัญก็คือ ผู้พักอาศัยจะต้องช่วยเหลือตนเองได้ ไม่มีโรคที่เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิต โดยจะต้องผ่านการคัดกรองสุขภาพตามหลักเกณฑ์ที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกำหนด
- ต้องเปิดบัญชีเงินฝาก ในลักษณะเงินฝากประจำ (Escrow Account) จำนวนเงิน 300,000 บาท กับธนาคารพันธมิตร ได้แก่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารออมสิน หรือ บมจ.ธนาคารกรุงไทย ภายใต้เงื่อนไขในการเบิกจ่ายเพื่อให้เป็นทุนสำรองในการดำรงชีพขณะอยู่ในโครงการฯ เท่านั้น และจะต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้บริหารโครงการฯ ในการถอนหรือปิดบัญชี
โครงการ “รามาฯ – ธนารักษ์” จะเริ่มก่อสร้างในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 นี้ และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม 2567 ภายใต้วงเงิน 1.3 พันล้านบาท น่าดีใจที่ได้เห็นที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงวัยที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐมากขึ้น ราคาจับต้องง่ายมากขึ้น และมีดีไซน์ที่ครบวงจรและทันสมัยมากขึ้น และที่น่าดีใจไม่แพ้กันก็คือมีผู้สนใจจองสิทธิเข้าพักอย่างล้นหลาม แสดงให้เห็นถึงการตื่นตัวในการเตรียมรับมือกับสังคมสูงวัยที่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
การวางแผนออมเงินและวางแผนที่อยู่อาศัยในวัยหลังเกษียณไม่ต้องรอให้ถึงวัยใกล้เกษียณก็ทำได้ ควรเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ ทำได้ทันที และอย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพกายใจให้แข็งแรง เพื่อที่จะได้กลายเป็นผู้สูงอายุสุขภาพดีที่มีหลักประกันอุ่นใจในวันข้างหน้า อย่ารอช้า…จะได้ไม่มีคำว่าสายเกินไป
–
ที่มา:
thaitgri.org
www.dadasset.com
younghappy.com
Photo credit: www.dadasset.com