จำกันได้ไหมคะที่เราเคยบอกคุณว่า บ้านรกๆ จะทำให้เรามีความสุขน้อยลง และในทางตรงกันข้าม บ้านที่เป็นระเบียบเรียบร้อย สามารถเป็นพื้นที่แห่งความสงบและแรงบันดาลใจ เพราะอย่างนี้นี่เองที่ผ่านมา เราจึงแนะนำให้คุณลุกขึ้นมาเก็บบ้าน เพื่อที่บ้านจะได้เป็นสถานที่ที่ช่วยให้เรามีสุขภาพกายและใจที่ดี
แต่นอกเหนือไปจากการจัดบ้านให้สะอาดเป็นระเบียบแล้ว การแต่งบ้านบางสไตล์ก็ยังส่งผลดีต่อสุขภาพของเราในองค์รวมอีกด้วยนะคะ โดยหนึ่งในสไตล์การแต่งบ้านที่ว่านั้นก็คือ งานออกแบบที่เรียกว่า Biophilic Design
เพราะลึกๆ แล้ว มนุษย์ทุกคนล้วนโหยหาธรรมชาติ
Biophilic Design คือสไตล์การออกแบบสถาปัตยกรรมและงานตกแต่งภายในที่เน้นการเชื่อมต่อมนุษย์เข้ากับธรรมชาติ โดยธรรมชาติที่ว่าก็หมายถึงทั้งแสงธรรมชาติ น้ำ ต้นไม้ใบหญ้าทั้งที่อยู่นอกอาคารและการสร้างพื้นที่สีเขียวภายใน รวมไปถึงการใช้งานออกแบบที่เน้นรูปทรงธรรมชาติ (organic form) วัสดุจากธรรมชาติ (natural materials) และโทนสีธรรมชาติ (earthy tones)
สาเหตุที่ Biophilic Design ต้องการพาเรากลับเข้าไปใกล้ชิดกับธรรมชาติให้มากขึ้นนั้นเป็นเพราะแนวคิดนี้เชื่อว่าลึกๆ แล้ว คนเราทุกคนล้วนมีความต้องการจะอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติกันทั้งนั้น ที่สำคัญ ธรรมชาติมีพลังอันมหัศจรรย์ในการเยียวยาร่างกายและจิตใจของเรา ดังนั้นมันคงจะส่งผลดีไม่น้อยถ้าเราสามารถนำธรรมชาติเข้ามาอยู่ในบ้านที่อยู่อาศัยหรือที่ทำงานของเราได้
นักชีววิทยา Edward O.Wilson แนะนำให้เรารู้จักคำว่า Biophilic Design ในหนังสือของเขาที่ชื่อ Biophilia ตั้งแต่ปี 1984 โดย Wilson กล่าวว่าการเชื่อมต่อมนุษย์เข้าสู่ธรรมชาติจะนำมาซึ่งประโยชน์ทั้งในเรื่องสุขภาพกายและใจ แนวคิดนี้ของ Wilson กลายเป็นแรงบันดาลใจให้สถาปนิกและนักออกแบบหลายคนพยายามหาหนทางให้ผลงานของพวกเขากลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติ
แต่กว่า Biophilic Design จะมาได้รับความนิยมจริงๆ ก็เมื่อสักสิบปีที่ผ่านมานี้เอง และมาแพร่หลายมากๆ ในช่วงไม่กี่ปีนี้ โดยข้อมูลจาก Architecture Digest ระบุไว้ว่า งานออกแบบแนว Biophilic Design คือหนึ่งในเทรนด์ที่มาแรงมากในช่วงปี 2019-2021
พลังเยียวยาจากธรรมชาติ
ในหลายๆ บทความของ hhc Thailand ที่ผ่านมา เรามักแนะนำให้คุณหาเวลาออกไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เพราะการสัมผัสกับสายลม แสงแดด น้ำ และต้นไม้ใบหญ้าเขียวๆ จะช่วยลดฮอร์โมนความเครียดหรือฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ช่วยทำให้คุณคลายจากความเครียดและปรับอารมณ์ให้สมดุลมากขึ้น
แต่สำหรับการแต่งบ้านแบบ Biophilic Design คุณอาจไม่จำเป็นต้อง ‘ออกไป’ หาธรรมชาติข้างนอกด้วยซ้ำ เพราะการแต่งบ้านแนวนี้จะนำธรรมชาติ ‘เข้ามา’ อยู่ร่วมกับเราในพื้นที่ภายใน ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้นก็มีประโยชน์แทบไม่ต่างกันเลย
- การนำเอาองค์ประกอบทางธรรมชาติเข้ามาตกแต่งพื้นที่ภายในจะช่วยสร้างบรรยากาศที่สงบและผ่อนคลาย ทำให้เราคลายจากความเครียดและวิตกกังวล
- งานวิจัยจาก University of Melbourne ระบุว่า การนำต้นไม้เข้ามาไว้ภายในอาคาร สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานได้ถึง 15%
- ส่วนผลการศึกษาของ Harvard University พบว่าผู้ที่อยู่อาศัยในอาคารที่ตกแต่งให้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ สามารถทำคะแนนการทดสอบด้านสติปัญญาได้มากกว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในอาคารที่ไม่มีการเชื่อมต่อกับธรรมชาติ
- นอกจากต้นไม้แล้ว การได้มองเห็นแสงธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไปตามเวลาของแต่ละวันยังเชื่อมต่อเราเข้ากับจังหวะนาฬิกาของธรรมชาติ ทำให้เรานอนหลับได้ดีในเวลากลางคืน ส่วนในเวลากลางวัน แสงจะกระตุ้นการทำงานของสมอง ช่วยให้เรามีสมาธิ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แก้ไขปัญหาได้ดี และมีความคิดสร้างสรรค์ที่ดียิ่งขึ้น
- ในประเทศที่มีฤดูหนาวยาวนานจนหลายคนเกิดโรคซึมเศร้าตามฤดูกาล (Seasonal Affective Disorder – SAD) การได้อาศัยอยู่ในอาคารที่มีแสงธรรมชาติและมองเห็นวิวเขียวของธรรมชาติด้านนอก สามารถช่วยลดอาการของ SAD ได้ และในสถานพักฟื้นที่มีการออกแบบแนว Biophilic Design ก็ยังพบว่าผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้นอีกด้วย
แต่งบ้านอย่างไรให้เป็น Biophilic Design
เห็นประโยชน์มากมายของการแต่งบ้านแบบ Biophilic Design อย่างนี้แล้ว เชื่อว่าหลายคนเริ่มอยากมีบ้านที่เชื่อมต่อเราเข้ากับธรรมชาติให้มากขึ้นบ้างแล้ว…ใช่ไหมคะ ว่าแต่คุณต้องทำอย่างไรกันบ้างเพื่อที่จะได้บ้านแบบที่ว่า มาดูคำตอบด้านล่างกันเลยค่ะ
- เลือกออกแบบให้ตัวบ้านมีหน้าต่างหรือกระจกโปร่งใสหรือโปร่งแสงขนาดใหญ่เพื่อให้มีแสงธรรมชาติเข้ามายังพื้นที่ภายในมากขึ้น แถมเวลาคุณอยู่ในบ้าน มองออกไปยังได้เห็นต้นไม้เขียวๆ ด้านนอกอีกด้วย
- แต่สำหรับอพาร์ตเมนต์ ทาวน์โฮม หรือห้องพักในคอนโดมีเนียมที่คุณปรับเปลี่ยนอะไรไม่ได้มากนัก เราแนะนำให้เลือกใช้ผ้าม่านแบบโปร่งแสงสำหรับเวลากลางวันหรือจะเป็นมู่ลี่ก็ได้แสงสวยละมุนไปอีกแบบ
- ถ้าบ้านของคุณไม่มีพื้นที่สวนด้านนอกมากนัก ลองหาต้นไม้สำหรับปลูกในบ้าน (indoor plants) มาจัดวางภายในให้พอมีสีเขียวๆ สบายตา หรือสำหรับห้องคอนโดฯ ที่มีระเบียง จะเน้นการใช้ต้นไม้แบบแขวนมาจัดเป็นสวนแนวตั้งเล็กๆ ก็เป็นไอเดียที่ไม่เลวเหมือนกัน
- เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ ดินเผา เซรามิก ผ้าฝ้าย ลินิน ฯลฯ ยิ่งหากเป็นรูปทรงตามธรรมชาติและอยู่ในโทนสีธรรมชาติเดิมของวัสดุได้ยิ่งดี
- แอบบอกเคล็ดลับไว้อีกนิดนึงว่า เฟอร์นิเจอร์ที่ว่าไม่จำเป็นต้องเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่เสมอไปนะคะ ถ้าใครมีงบจำกัด จำเป็นต้องเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ราคาย่อมเยากว่าชิ้นที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ ให้ลองหันไปเลือกใช้ของแต่งบ้านชิ้นเล็กๆ ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติแทนค่ะ ไม่ว่าจะเป็น กรอบรูปไม้ แจกันดินเผา ปลอกหมอนผ้าฝ้าย ฯลฯ
- เลือกใช้หลอดไฟที่ให้แสงแบบ warm white เพราะอุณหภูมิสีของแสงที่ต่ำจะเป็นแสงที่อ่อนโยนใกล้เคียงแสงธรรมชาติมากที่สุด
- น้ำเป็นองค์ประกอบทางธรรมชาติที่หลายคนมักมองข้ามเมื่อพูดถึงการนำเข้าไปตกแต่งไว้ภายในบ้าน ทั้งๆ ที่การมองเห็นน้ำทำให้เราสบายใจ และเสียงของน้ำก็ยังช่วยทำให้จิตใจสงบอีกด้วย เราแนะนำให้ลองหาน้ำพุตั้งโต๊ะอันเล็กๆ เข้าไปจัดแต่งในบ้านดู หรือใครชอบเลี้ยงปลา จะหาตู้ปลาสวยๆ เลี้ยงไม้น้ำไปพร้อมๆ กับน้องปลา ก็ดีต่อใจไม่แพ้กัน
อ่านเรื่องราวของ Biophilic Design มาจนถึงบรรทัดนี้แล้ว เชื่อว่าหลายคนน่าจะพอมีไอเดียแต่งบ้านสำหรับต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงกันแล้วใช่ไหมคะ และ hhc Thailand อยากขอแถมท้ายไว้สักนิดนึงว่า ถ้าเป็นไปได้ เราสนับสนุนให้คุณเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ ส่วนการจัดสวนนอกบ้านนั้น จะให้ดีก็ไม่ควรเป็นสนามหญ้าโล่งๆ ที่มีต้นไม้จัดวางไม่กี่ต้น เพราะสวนแบบ Permaculture นั้น นอกจากจะทำให้บ้านใกล้ชิดกับธรรมชาติแล้ว ก็ยังดีต่อระบบนิเวศอีกด้วย
–
ที่มา:
archdaily.com
anooi.com