รู้จักโรคอัลไซเมอร์ โรคทางสมองที่ไม่ควรมองข้าม

Brain / Health

โรคอัลไซเมอร์ ความท้าทายและวิธีการดูแลที่ทุกคนควรทำความเข้าใจ

โรคอัลไซเมอร์ หนึ่งในโรคทางสมองที่พบได้บ่อยที่สุด ซึ่ง Alzheimer คือโรคที่ส่งผลต่อความสามารถในการคิด การจดจำ และการตัดสินใจ โดยผู้ที่มีอาการ
โรคอัลไซเมอร์ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ แต่ก็สามารถพบ Alzheimer ได้ในผู้มีอายุน้อยกว่าเช่นกัน การทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจสาเหตุ อาการ และแนวทางการดูแลรักษาตัวเอง รวมถึงคนที่รักได้ ในบทความนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักว่าโรคอัลไซเมอร์เกิดจากอะไร ตั้งแต่สาเหตุ วิธีสังเกตอาการ ปัจจัยเสี่ยง และวิธีป้องกันโรคอัลไซเมอร์อย่างมีประสิทธิภาพ

โรคอัลไซเมอร์ หรือ Alzheimer’s Disease เป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมถอยของโครงสร้างเนื้อเยื่อสมอง หรือการเสื่อมของสมอง ซึ่งส่วนใหญ่มักพบในผู้สูงอายุ ซึ่งไม่ได้เกิดจากความเสื่อมของสมองตามธรรมชาติ แต่เป็นผลจากความผิดปกติของโปรตีนที่เรียกว่า โปรตีน Tau  และเบต้า-อะไมลอยด์ (Beta-Amyloid) ที่สะสมในสมอง ส่งผลให้เซลล์สมองเสื่อมและฝ่อ เกิดการสูญเสียการทำงาน ความจำเสื่อม และประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลง นอกจากนี้การลดลงของสารอะซีทิลคอลีน (Acetylcholine)  ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ส่งผลกับความทรงจำโดยตรง ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้สมองเกิดความเสียหายจนนำไปสู่อัลไซเมอร์
เช่นกัน

อาการเริ่มต้นของโรคอัลไซเมอร์มักเกิดขึ้นที่สมองส่วนฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการจดจำข้อมูล เมื่อสมองส่วนนี้ถูกทำลายลง
ผู้ป่วยจะเริ่มมีปัญหาเรื่องความทรงจำ อาการโรคอัลไซเมอร์ก็จะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และทำให้เกิดความเสียหายไปยังสมองส่วนอื่น ๆ ส่งผลต่อการเรียนรู้ ความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมของผู้ป่วย ซึ่ง Alzheimer คือโรคทางสมองเสื่อมที่พบได้บ่อยถึง 60 – 80% โดยผู้ป่วยอัลไซเมอร์ไม่เพียงมีปัญหาความจำเท่านั้น แต่ยังมีปัญหาด้านพฤติกรรมร่วมด้วย

ดังนั้นเพื่อให้คุณสามารถเรียนรู้และป้องกันอัลไซเมอร์ได้ มาดูวิธีสังเกตอาการโรคอัลไซเมอร์เบื้องต้นที่นำมาฝากไปพร้อม ๆ กันเลย

  • หลงลืม: ผู้มีอาการโรคอัลไซเมอร์มักลืมเหตุการณ์หรือข้อมูลต่าง ๆ ที่พึ่งเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน
  • การสื่อสารหรือการพูดที่ผิดปกติ:  ผู้มีอาการโรคอัลไซเมอร์มักมีการพูดซ้ำซาก มีปัญหาในคำพูด ใช้คำที่ผิดประโยค รู้สึกยากลำบากในการสร้างประโยคคำพูด
  • พูดเรื่องเดิมซ้ำ ๆ :  ผู้มีอาการโรคอัลไซเมอร์มักมีการพูดวกวน ถามคำถามเดิมซ้ำ ๆ หรือพูดเรื่องเดิมโดยที่ไม่รู้ตัว
  • การลืมกิจวัตรประจำวัน: ผู้มีอาการโรคอัลไซเมอร์มักลืมว่าตัวเองเคยทำอะไรไปแล้วบ้าง เช่น การรับประทานยา หรือการทำอาหาร
  • มีการตัดสินใจที่ไม่ดี:  ผู้มีอาการโรคอัลไซเมอร์มักจะมีปัญหาในด้านการตัดสินใจ เช่น การวางแผนการจัดการเงิน การวางแผนจัดการทำกิจกรรมต่าง ๆ 
  • หาของไม่เจอและหลงบ่อย: ผู้มีอาการโรคอัลไซเมอร์มักหาสิ่งของที่หยิบใช้บ่อยไม่เจอ หรือเกิดการหลงทางบ่อย ๆ แม้จะเป็นสถานที่ที่เคยไปแล้วก็ตาม
  • สับสนเวลาและสถานที่: ผู้มีอาการโรคอัลไซเมอร์อาจมีการเกิดความสับสนเรื่องเวลาและสถานที่ เช่น รู้สึกสับสนว่าตอนนี้เป็นเวลาไหน หรือลืมว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ไหน
  • การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์: ผู้มีอาการโรคอัลไซเมอร์อาจเกิดอารมณ์แปรปรวน รู้สึกหงุดหงิด หวาดระแวง วิตกกังวล หรือท้อแท้โดยไม่ทราบสาเหตุ
  • ขาดสมาธิในการจดจ่อ:  ผู้มีอาการโรคอัลไซเมอร์มักมีปัญหาในการจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนาน ๆ
  • พฤติกรรมเฉื่อยช้า: ผู้มีอาการโรคอัลไซเมอร์จะทำกิจกรรมต่าง ๆ หรือดำเนินกิจวัตรประจำวันตามปกติช้าลง เช่น การรับประทานอาหาร หรือการอาบน้ำ

Alzheimer คือหนึ่งในโรคที่พบได้บ่อยและสร้างความวิตกกังวลทั้งต่อผู้ป่วยและคนรอบตัว เนื่องจากอาการของโรคอัลไซเมอร์ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นความทรงจำ การหลงลืม การตัดสินใจ หรือการทำกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งล้วนทำให้ผู้ป่วยอัลไซเมอร์มีความยากลำบากในการดูแลตัวเอง
และต้องการความช่วยเหลือจากคนรอบข้างตลอดเวลา ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์นั้นมีหลายประการ และเพื่อให้ทุกคนมีความเข้าใจมากขึ้นและสามารถเตรียมตัวรับมือกับ Alzheimer ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาดูข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยที่ทำให้เกิดอัลไซเมอร์ที่เรานำมาฝากไปพร้อม ๆ กันเลย

อายุ

หนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดของโรคอัลไซเมอร์คือ อายุ Alzheimer มักมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นตามอายุที่มากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป
ซึ่งอาการจะเริ่มปรากฏชัดเจนมากขึ้นในช่วงอายุนี้ และยิ่งอายุมากขึ้นเท่าไหร่ ความเสี่ยงในการพัฒนาโรคก็จะยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย

ประวัติครอบครัว

ประวัติครอบครัวหรือพันธุกรรมที่มีผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้ โดยเฉพาะการมียีน APOE ε4 (Apolipoprotein E ε4) ซึ่งเป็นยีน
ที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงสูงต่อโรคอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุ ยีนนี้อาจส่งผลให้สมองสะสมโปรตีนเบต้า-อะไมลอยด์ (Beta-Amyloid) ที่ทำให้เกิด Alzheimer ได้
แต่การมียีนนี้ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะเป็นโรคอัลไซเมอร์

เพศ

โดยทั่วไปโรคอัลไซเมอร์มักมีความเสี่ยงเกิดขึ้นในผู้หญิงสูงกว่าผู้ชายเมื่ออายุเพิ่มขึ้น แม้ความแตกต่างจะไม่มากนัก ซึ่งอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ในช่วงวัยหมดประจำเดือน ซึ่งฮอร์โมนนี้มีบทบาทสำคัญในการปกป้องสมอง ส่งผลให้ผู้หญิงมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการโรคอัลไซเมอร์มากขึ้น

การบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง

ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะอย่างรุนแรง เช่น การเกิดอุบัติเหตุ การที่ศีรษะได้รับการกระแทก หรือทำได้รับบาดเจ็บซ้ำ ๆ สิ่งเหล่านี้เป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้สมองมีการทำงานลดลง เพิ่มโอกาสในการพัฒนาไปเป็นโรคอัลไซเมอร์ในอนาคต

พฤติกรรมการใช้ชีวิต

อีกปัจจัยสำคัญที่เพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคอัลไซเมอร์คือ พฤติกรรมการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็น การขาดการออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์
ไม่มีสมดุล มีไขมันและน้ำตาลสูง การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ ตลอดถึงการนอนหลับไม่เพียงพอ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้เกิด Alzheimer
สูงขึ้น

โรคประจำตัว

โรคประจำตัวของผู้ป่วยก็นับเป็นอีกปัจจัยที่สามารถเพิ่มความเสี่ยงการเกิดอัลไซเมอร์ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือด หรือโรคหัวใจ โดยโรคเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดหลอดเลือดถูกทำลาย ลดการไหลเวียนเลือดไปยังสมอง ซึ่งส่งผลให้สมองรับสารอาหารและออกซิเจนไม่เพียงพอ ทำให้มีโอกาสเกิดอาการโรคอัลไซเมอร์สูงขึ้นเนื่องจากสมองเสื่อม

โรคอัลไซเมอร์เป็นหนึ่งในโรคทางสมองที่ส่งผลต่อสมองและความจำ ซึ่งพบได้บ่อนในผู้สูงอายุ แต่ก็อาจเกิดขึ้นได้กับผู้ที่มีอายุน้อยกว่าเช่นกัน ซึ่งผู้ป่วยที่พบอาการโรคอัลไซเมอร์จะมีอาการที่ค่อยรุนแรงขึ้นตามระยะเวลา โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระยะ ได้แก่  ระยะแรก ระยะกลาง และระยะท้าย การทำความเข้าใจอาการในแต่ละระยะจะช่วยให้ทั้งผู้ป่วยอัลไซเมอร์และคนรอบตัวสามารถรับมือกับโรคและดูแลรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นเพื่อช่วยให้คุณสามารถสังเกต
และดูแลผู้ป่วย Alzheimer ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ในส่วนนี้เราจะพาไปดูอาการเริ่มแรกของอัลไซเมอร์ทั้ง 3 ระยะ จะมีอะไรบ้าง? ไปดูกันเลย

ระยะแรก

ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ในระยะแรกจะมีอาการหลงลืมสิ่งเล็กน้อยในชีวิตประจำวัน เช่น ชอบถามหรือพูดเรื่องเดิมซ้ำ ๆ และอาจเริ่มสับสนทิศทางหรือสถานที่ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีความเครียด อารมณ์แปรปรวน หรือเกิดอาการวิตกกังวลและซึมเศร้าบ้าง การตัดสินใจเริ่มผิดปกติ และมีความยากลำบากในการทำกิจกรรม
บางอย่าง แต่ยังสามารถดูแลตัวเองและทำกิจวัตรประจำวันได้ โดยในระยะนี้คนรอบตัวยังสามารถช่วยเหลือและให้การดูแลได้

ระยะกลาง

สำหรับระยะกลางของโรคอัลไซเมอร์ อาการจะเริ่มชัดเจนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผู้ป่วยอัลไซเมอร์จะมีความจำเสื่อมถดถอยมากขึ้น เช่น ลืมชื่อคนในครอบครัว
ลืมเหตุการณ์สำคัญ หรือไม่อยู่ในโลกความจริง นอกจากนี้ยังมีอาการก้าวร้าว อารมณ์ฉุนเฉียว พูดจาหยาบคาย พฤติกรรมด้านอารมณ์เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน จากคนที่เคยใจเย็นอาจกลายเป็นคนอารมณ์ร้อน หรือจากคนอารมณ์ร้อนอาจกลายเป็นคนเงียบขรึม ผู้ป่วยระยะนี้ยังประสบปัญหาด้านการพูดและการทำกิจวัตรประจำวัน ทำให้ไม่สามารถดูแลตัวเองได้อย่างเต็มที่ จึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากคนรอบตัว

ระยะท้าย

อาการโรคอัลไซเมอร์ระยะท้าย ผู้ป่วยจะมีอาการแย่ลงมาก สูญเสียความสามารถในการดำเนินชีวิตประจำวัน รวมถึงการทำกิจกรรมต่าง ๆ มีสุขภาพทรุดโทรมเสมือนผู้ป่วยติดเตียง ไม่สามารถจดจำตัวเองหรือคนในครอบครัวได้ ไม่สามารถพูดคุยหรือสื่อสารได้ ควบคุมกล้ามเนื้อและการเคลื่อนไหวไม่ได้ ส่งผลผลให้มีการเคลื่อนไหวน้อยลงหรือไม่เคลื่อนไหวเลย มีการรับประทานอาหารน้อยลง ดังนั้นในระยะท้ายของโรคอัลไซเมอร์ ผู้ป่วยจำจึงเป็นต้องได้รับการดูแลตลอดเวลาจากพยาบาลหรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ

Alzheimer คือโรคที่ค่อย ๆ ทำลายเซลล์สมองลงทีละเล็กละน้อย  ส่งผลให้ความจำ ความคิด และพฤติกรรมของผู้ป่วยอัลไซเมอร์เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งกระทบต่อ
ผู้ป่วยหลายด้าน ทำให้ผู้ป่วยต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันอุบัติเหตุหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการหลงลืม และแม้ในปัจจุบันอัลไซเมอร์ยังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็มีวิธีการที่สามารถช่วยทุเลาอาการและชะลอความรุนแรงของโรคได้ นอกจากนี้ยังมีวิธีการป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดอาการโรคอัลไซเมอร์ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นในส่วนนี้จึงนำเอาวิธีป้องกันอัลไซเมอร์มาฝาก เพื่อให้คุณสามารถดูแลสุขภาพได้อย่างดียิ่งขึ้น ดังนี้

  • ออกกำลังกายเป็นประจำ: การออกกำลังเป็นประจำจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตและการทำงานของสมอง ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้เป็นอย่างดี
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช หรืออาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 อย่างปลาและน้ำมันมะกอก อาหารเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงการเสื่อมของเซลล์สมอง
  • ฝึกสมอง: การฝึกใช้สมองในการคิด การอ่านหนังสือ หรือการเรียนรู้สิ่งใหม่ จะช่วยให้สมองมีการพัฒนาและลดความเสี่ยงในการเกิดอัลไซเมอร์ได้เป็นอย่างดี
  • นอนหลับให้เพียงพอ: การนอนหลับเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมีบทบาทสำคัญในการกำจัดสารพิษและโปรตีนที่สะสมในสมองที่เกิดขึ้นระหว่างวัน ซึ่งส่งผลต่อการเกิดอัลไซเมอร์
  • ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: ผู้ที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดอัลไซเมอร์ การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดจะช่วยลดความเสี่ยงลง
  • ลดความเครียด: ความเครียดมีผลทำให้สมองถูกทำลายได้ ดังนั้นการลดความเครียดผ่านการทำกิจกรรมผ่อนคลายต่าง ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงได้การเกิดอัลไซเมอร์ได้เป็นอย่างดี
  • ตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ: การตรวจสุขภาพเป็นประจำนอกจากช่วยให้ผู้ป่วยพบปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอัลไซเมอร์ได้ทันเวลา ยังช่วยให้ป่วยสามารถดูแลสุขภาพตัวเองให้ดียิ่งขึ้นได้

อย่างที่ทราบว่า Alzheimer คือโรคทางสมองที่ผู้ป่วยจะมีปัญหาเรื่องความทรงจำและการดำเนินกิจวัตรประจำวัน ดังนั้นครอบครัว คนรอบตัว หรือผู้ดูแลต้องดูแลเอาใจใส่ผู้ป่วยอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันไม่ให้โรคมีอาการแย่ลง และเพื่อไม่ให้ผู้ดูแลผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์เกิดอาการเศร้าซึม ท้อใจตามไปด้วย การเข้าใจวิธีการดูแลผู้ป่วยอย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ดังนั้นมาดูข้อมูลการดูแลผู้ป่วยอัลไซเมอร์ที่เรานำมาฝากพร้อมกันเลย

  • ทำความเข้าใจโรคอัลไซเมอร์: ผู้ดูแลต้องทำความใจเกี่ยวกับโรคเพื่อให้เข้าใจวิธีการรับมือและรู้วิธีการช่วยเหลือ การแก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างเหมาะสม
  • เข้าใจผู้ป่วยอัลไซเมอร์: ผู้ดูแลต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมและอารมณ์ของผู้ป่วย เพราะผู้ป่วยอาจแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมได้จนทำให้ผู้ดูแลรู้สึกผิดหวังได้
  • ให้ผู้ป่วยอัลไซเมอร์ข้าใจตนเอง: ผู้ดูแลควรอธิบายให้ผู้ป่วยทราบถึงอาการของโรคตั้งแต่ระยะแรก ๆ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเตรียมพร้อมและยินดีให้ความร่วมมือในการดูแล
  • กำหนดกิจวัตรประจำวันให้เหมาะสม: เช่น การกำหนดให้มีกิจกรรมเหมือนเดิมทุกวัน การจัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย การให้ผู้ป่วยได้ออกกำลังกาย หรือให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมต่าง ๆ
  • เรียนรู้วิธีการสื่อสารกับผู้ป่วยอัลไซเมอร์: เมื่อพูดคุยกับผู้ป่วยให้เรียกชื่อเสมอ เพื่อเตือนความจำและทำให้รู้สึกคุ้นเคย รวมถึงพูดให้สั้น เข้าใจง่าย ชัดเจน หรือใช้ภาษากายร่วมด้วย
  • รู้จักหลีกเลี่ยงและป้องกันก่อนเกิดปัญหา: ครอบครัวหรือผู้ดูแลอาจมีการทำกำไลที่ระบุว่าผู้ป่วยมีปัญหาด้านความจำ พร้อมใส่ข้อมูลติดต่อไว้ เพื่อป้องกันในกรณีผู้ป่วยพลัดหลง
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์: ผู้ดูแลต้องหมั่นสังเกตพฤติกรรมของผู้ป่วย รวมถึงให้ผู้ป่วยรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อแจ้งให้แพทย์ทราบอาการได้อย่างถูกต้อง

เป็นอย่างไรบ้าง? กับข้อมูลโรคอัลไซเมอร์ที่นำมาฝากวันนี้ เห็นได้ว่า Alzheimer คือโรคทางสมองชนิดหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดความจำเสื่อมและมีการทำงานของสมองที่ลดลงอย่างต่อเนื่องจนเห็นได้ชัด ซึ่งอาการโรคอัลไซเมอร์ส่งผลให้ป่วยไม่สามารถดำเนินกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ เพราะมีปัญหาด้านการคิด การวิเคราะห์ การตัดสินใจ และการวางแผนด้านต่าง ๆ ดังนั้นเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงการเกิดโรคอัลไซเมอร์ลง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการดูแลสุขภาพร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญ เชื่อว่าข้อมูลที่นำมาฝากในบทความนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยให้กับผู้ที่ต้องการหลีกหนี Alzheimer และมีสุขภาพที่ดีขึ้นในระยะยาว

บทความที่เกี่ยวข้อง