C·H·A·N·G·E จากวิถีเดิมสู่วิถีใหม่อย่างไรไม่ให้เสียศูนย์

Care / Self Care

การแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของไวรัสโคโรนาทำให้ผู้คนทั่วโลกต่างต้องเผชิญกับ ‘วิถีชีวิตใหม่’ โดยเฉพาะการรักษาระยะห่างทางสังคมซึ่งส่งผลกระทบต่อรูปแบบการใช้ชีวิตในแทบทุกด้าน หลายคนต้องหยุดกิจการ หลายคนต้องเปลี่ยนมาทำงานที่บ้าน หลายคนต้องเรียนหนังสือแบบออนไลน์ ต้องงดเว้นการเดินทางให้เหลือเท่าที่จำเป็น ชีวิตประจำวันที่เคยง่าย กลับกลายเป็นยากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จนกลายเป็นเสียศูนย์ การหาวิธีปรับตัวให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตใหม่และรักษาใจกายให้สมดุลจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในเวลานี้

สมดุลร่างกายและจิตใจต้องไปด้วยกัน

การมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้จิตใจเรารู้สึกดี และในทางกลับกัน การมีจิตใจที่แข็งแรงสดใสก็ส่งผลดีให้ร่างกายของเราเช่นกัน มีงานวิจัยที่ค้นคว้าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างจิตใจกับร่างกายได้เผยว่า เวลาที่เราตกอยู่ในสภาวะเครียด วิตกกังวล หดหู่ใจ มีผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายลดลง ซึ่งจะกระทบต่อเนื่องไปยังระบบการทำงานของร่างกายส่วนอื่นๆ ตามมา สำนวนที่เราคุ้นหูว่า “ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว” จึงไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงนัก ยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน การที่เราต้องปรับโหมดมาระวังโรคภัยไปพร้อมกับรับผิดชอบหน้าที่การงาน การเรียน การจัดการความเป็นอยู่ภายในบ้าน ตลอดจนการดูแลตัวเองพร้อมกับดูแลคนในครอบครัว ฯลฯ อาจทำให้หลายคนเกิดความเครียดและกังวลเป็นอย่างมากถึงมากที่สุด กินไม่ได้ นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย และลงท้ายด้วยอาการป่วยกายตามมา ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่สำคัญไม่แพ้การดูแลร่างกายให้แข็งแรง ก็คือการดูแลจิตใจให้แข็งแรงไปด้วยกัน

สมดุล ‘บ้าน’ กับ ‘งาน’ จัดแบ่งให้ลงตัว

การเปลี่ยนมาใช้ระบบ Work-From-Home (WFH) อาจทำให้เส้นแบ่งระหว่างที่บ้านกับที่ทำงานนั้นเลือนราง บางคนนั่งทำงานแบบไม่มีเวลาพักจนเสียสมดุลเรื่องอื่น เช่น ไม่มีเวลาเตรียมอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ขาดการออกกำลังกาย ปล่อยให้บ้านสุดรก หรือละเลยความสัมพันธ์กับคนในบ้าน ในขณะที่บางคนก็อาจจะวุ่นกับเรื่องในบ้านจนไม่มีเวลาทำงานให้เป็นชิ้นเป็นอัน วิธีแก้ปัญหาคือ การกำหนดขอบเขตของพื้นที่ทำงานและเวลาทำงานให้ชัดเจน เช่น จัดพื้นที่โซนทำงานให้เป็นสัดส่วนแยกออกมา เพื่อให้พื้นที่ส่วนที่เหลือยังคงความเป็นบ้าน และยังทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้ นอกจากนี้ควรกำหนดเวลาการทำงานให้ชัดเจน โดยจัดตารางเวลาให้มีทั้งเวลาทำงานและเวลาพัก และต้องเคร่งครัดกับตารางเวลานี้ด้วย วิธีนี้จะช่วยให้เราสามารถโฟกัสทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวได้อย่างสมดุล

อย่าลืมใจดีกับตัวเอง!

แม้โลกภายนอกจะยุ่งยากวุ่นวายแค่ไหน แต่อย่าลืมใจดีกับตัวเองบ้าง ด้วยการให้ความสำคัญกับการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ แบ่งเวลาให้กับการออกกำลังกาย และรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญต่อการมีอารมณ์ดี สมองแจ่มใส และร่างกายแข็งแรง หลายคนอาจแย้งว่าการได้ดูซีรียส์เรื่องโปรดแบบมาราธอนข้ามคืน หรือการกินอาหารตามใจปาก นั่นต่างหากคือการใจดีกับตัวเอง ต้องแอบกระซิบว่าก็มีส่วนจริง! เราตามใจตัวเองบ้างก็ได้ อย่าตึงจนเกินไป แต่ก็อย่าหย่อนบ่อยไปจนส่งผลเสียต่อสุขภาพ โดยเฉพาะการอดนอนติดต่อกันจะทำให้ภูมิคุ้มกันเสื่อมประสิทธิภาพจนเชื้อโรคโจมตีได้ง่าย

สำหรับการออกกำลังกายในช่วงนี้ที่ไม่สามารถออกไปสวนสาธารณะ ฟิตเนส หรือสถานออกกำลังกายอื่นๆ ได้ตามปกติ เราก็สามารถออกกำลังกายภายในบ้านได้ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบผ่อนคลายเบาๆ เช่นการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ หรือเล่นโยคะ ไปจนถึงการออกกำลังแบบหนักๆ ให้เหงื่อไหลและหัวใจสูบฉีดเต้นแรง เช่นการเต้นแอโรบิค หรือวิ่งบนลู่วิ่ง อย่าลืมหาตัวช่วยมาใช้ทั้งแอปพลิเคชันออกกำลังกาย หรือคลาสออนไลน์ฟรีมากมาย ออกกำลังกายเพียงวันละอย่างน้อย 30 นาทีก็ช่วยให้กายและใจแข็งแรงจนเหมือนได้รับวัคซีนชั้นดี

ที่มา:
www.unicef.cn
www.positivepsychology.com

บทความที่เกี่ยวข้อง