ปวดเนื้อปวดตัว ปวดหลัง ปวดคอ ปวดทั้งตัว หรือการปวดกล้ามเนื้อทั้งตัว อาการยอดฮิตของชาวออฟฟิศและผู้ที่เข้าสู่ช่วงวัยสูงอายุที่พบได้ทั่วไป ดูแลสุขภาพตัวเองได้ด้วยการทำ “กายภาพบำบัด”
รู้จักกับ ‘กายภาพบำบัด’ ตัวช่วยแก้ปวดเนื้อปวดตัวเรื้อรัง
กายภาพบำบัด คือ วิชาชีพทางวิทยาศาสตร์เพื่อสุขภาพ ที่จะใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ เครื่องมือ และอุปกรณ์ต่าง ๆ มาใช้ในการส่งเสริม ป้องกัน และฟื้นฟูร่างกายให้กับผู้ที่มีอาการต่าง ๆ โดยการทำกายภาพบำบัดนั้นเป็นการบำบัดความบกพร่องของร่างกายไม่ว่าจะเป็นอาการปวดเนื้อปวดตัว ปวดทั้งตัวไปจนถึงอาการจากโรคร้ายและอาการข้างเคียงจากการประสบอุบัติเหตุ โดยไม่จำเป็นต้องประสบเหตุรุนแรงหรือมีอาการบาดเจ็บที่หนักก่อนถึงจะสามารถทำกายภาพบำบัดได้นั่นเอง
แต่อย่างไรก็ตาม ในการทำกายภาพบำบัดจะต้องดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อให้สามารถรักษาและฟื้นฟูอาการได้อย่างตรงจุด ก่อนการทำกายภาพบำบัดแพทย์จึงจำเป็นจะต้องประเมินอาการเพื่อกำหนดปัญหาที่เกิดขึ้น จากนั้นจึงวางแผนการทำกายภาพบำบัด เพื่อดำเนินการตามแผนการรักษาให้ได้รับผลลัพธ์ที่ดีและตอบโจทย์กับปัญหาที่ได้พบเจอมากที่สุด
โดยเราจะแบ่งการรักษาทางกายภาพบำบัดเป็น 6 ประเภทด้วยกัน ได้แก่
- กายภาพบำบัดด้าน “ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ”
- กายภาพบำบัดด้าน “ระบบประสาท”
- กายภาพบำบัดด้าน “ทรวงอก หลอดเลือด และหัวใจ”
- กายภาพบำบัดด้าน “กีฬา”
- กายภาพบำบัด “ในชุมชน”
- กายภาพบำบัดด้านอื่น ๆ
และสำหรับการทำกายบำบัดเพื่อแก้ไขปัญหาปวดกล้ามเนื้อทั้งตัวหรือปวดตัวเรื้อรังที่เราจะมาแนะนำในวันนี้นั้น เป็นการทำกายภาพบำบัดระบบกระดูกและกล้ามเนื้อนั่นเอง
สารพัดประโยชน์ของการทำกายภาพบำบัด
✔ ลดอาการปวดทั้งตัวโดยไม่ต้องทานยา
✔ ช่วยป้องกันภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง
✔ ช่วยปรับสมดุลให้ร่างกายในระยะยาว
✔ ช่วยลดโอกาสที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดจากความพิการ
✔ ช่วยประคองอาการจากโรคต่าง ๆ
✔ ช่วยเพิ่มความสามารถในการเคลื่อนไหวร่างกาย
✔ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อ
✔ ช่วยสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ
✔ ช่วยฟื้นฟูร่างกายภายหลังจากการผ่าตัด เป็นต้น
กายภาพบำบัด ช่วยแก้ไขปัญหาปวดเนื้อปวดตัวได้อย่างไร
ในการทำกายบำบัดนั้นมีประโยชน์มากมาย หนึ่งในนั้นก็คือการ “ลดอาการปวดตัว” โดยไม่ต้องรับประทานยา เนื่องจากการทำกายบำบัดนั้นจะส่งผลดีต่อผู้ที่มีอาการปวดเนื้อตัว ดังนี้
- ลดอาการอักเสบของกล้ามเนื้อ
- ลดการเคลื่อนไหวของข้อต่อบริเวณต่าง ๆ
- ปรับท่าทางให้ผู้มีอาการสามารถใช้งานกล้ามเนื้ออย่างถูกวิธี
- เพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อมัดต่าง ๆ
- ฟื้นฟูสมรรถภาพและป้องกันไม่ใช้กลับมาปวดเนื้อปวดตัวหรือมีอาการต่าง ๆ ซ้ำ
ใครมีอาการแบบนี้ ยกมือขึ้น! รวมอาการปวดตัวที่รับมือได้ด้วยกายภาพบำบัด
ดูแลสุขภาพด้วยการรักษาและฟื้นฟูอาการปวดกล้ามเนื้อทั้งตัวหรือปวดตัวเรื้อรังด้วยการทำกายภาพบำบัดตอบโจทย์กับผู้ที่มีอาการต่าง ๆ เหล่านี้
1. ผู้ที่มีอาการระบบกระดูกและกล้ามเนื้อผิดปกติ
สำหรับกลุ่มคนที่เหมาะสมกับการรักษาและฟื้นฟูด้วยการทำกายภาพบำบัดกลุ่มแรก คือ กลุ่มผู้ที่มีอาการระบบกระดูกและกล้ามเนื้อผิดปกติ เช่น
- การมีอาการปวดกล้ามเนื้อหรือกระดูกสันหลัง
- ปวดเนื้อปวดตัว ปวดคอ ปวดหลัง
- มีอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ
- ปวดกล้ามเนื้อหรือข้อต่าง ๆ เรื้อรัง
- ข้อเคล็ด ขัด ยอก
- มีการอักเสบของข้อกระดูก
- มีการอักเสบของเอ็นกล้ามเนื้อ เป็นต้น
2. ผู้ที่มีอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
ในกลุ่มที่สองนี้ คือ กลุ่มของผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายและออกกำลังกายอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะกับผู้ที่ใช้กล้ามเนื้ออย่างไม่เหมาะสม ใช้งานจุดเดิมซ้ำ ๆ หรือใช้งานกล้ามเนื้อหนักเกินไปอย่างต่อเนื่อง เพราะพฤติกรรมเหล่านี้จะทำให้กล้ามเนื้อบาดเจ็บ รวมถึงส่งผลกระทบต่อข้อต่อ กระดูก รวมถึงกล้ามเนื้อในมัดใดมัดหนึ่ง ทำให้มักมีอาการปวดทั้งตัวและบริเวณต่าง ๆ จากอาการบาดเจ็บยอดฮิต ดังนี้
- กล้ามเนื้อบาดเจ็บหรือฉีกขาด
- เอ็นหรือข้อต่อบาดเจ็บ เช่น ข้อเท้าพลิก เอ็นร้อยหวายฉีก
- การบาดเจ็บที่เข่าหรือข้อเข่า
- การบาดเจ็บที่หลัง
- กล้ามเนื้อมีอาการบวม
- กระดูกหัก
- ข้อต่อเคลื่อน
- เส้นเอ็นหลุมข้อไหล่ฉีกขาดจากการใช้หัวไหล่เยอะ
ซึ่งตัวอย่างของกีฬาที่มักก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บต่อระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ เช่น บาสเกตบอล กระโดดสูง ยกน้ำหนัก วิ่ง ฟุตบอล และกอล์ฟ เป็นต้น
3. ผู้ที่มีอาการออฟฟิศซินโดรม
กลุ่มคนที่เหมาะสมกับการรักษาและฟื้นฟูด้วยการทำกายภาพบำบัดในกลุ่มสุดท้ายที่เราจะมาแนะนำ คือ กลุ่มผู้ที่มีอาการออฟฟิศซินโดรม หรือผู้ที่ต้องนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ รวมไปถึงผู้ที่ต้องทำงานในท่าใดท่าหนึ่งซ้ำ ๆ ติดต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานในลักษณะท่าทางที่ไม่ถูกต้อง การใช้ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายซ้ำ ๆ จนเกิดการล้า และสิ่งแวดล้อมในการทำงานที่ไม่เหมาะสม
ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้คือพฤติกรรมเสี่ยงที่นำมาซึ่งปัญหามากมาย เช่น
- มีอาการปวดกล้ามเนื้อทั้งตัวแบบกว้าง ๆ
- มีอาการปวดบริเวณคอ บ่า ไหล่ เอว และหลัง
- มีอาการกล้ามเนื้อและเอ็นกล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง
- มีอาการปวดแขน ปวดข้อมือ มือชา
- มีอาการนิ้วล็อก
- มีอาการกล้ามเนื้อกดทับเส้นประสาท
- มีอาการเส้นเอ็นอักเสบ เป็นต้น
รูปแบบของการทำกายภาพบำบัด
การทำกายภาพบำบัดมีทั้งหมด 3 รูปแบบ โดยจะแบ่งตามลักษณะอาการและการวินิจฉัยอาการของแพทย์ ได้แก่
1. Manual Therapy
Manual Therapy คือ การทำกายภาพบำบัดด้วยมือ เพื่อรักษาอาการปวดเนื้อปวดตัวและอาการต่าง ๆ โดยจะใช้ทักษะเฉพาะของนักกายภาพบำบัดเพื่อเป็นการปรับโครงสร้างของกระดูก กล้ามเนื้อ และเส้นประสาท ให้มาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดตามสรีระของร่างกาย เพื่อรักษาและฟื้นฟูให้ส่วนต่าง ๆ เหล่านั้นสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพดังเดิม และบอกลาอาการปวดทั้งตัวไม่ให้เกิดขึ้น
ตัวอย่างของการทำ Manual Therapy
- การขยับข้อต่อ
- การดัดข้อต่อ
- การยืดกล้ามเนื้อ
- การกดจุด
- การจัดท่าทาง เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เป็นต้น
2. Exercises
Exercises คือ การทำกายภาพบำบัดด้วยการออกกำลังกาย หรือก็คือการใช้การออกกำลังกายมาเพื่อบำบัดอาการเจ็บ อาการปวดเนื้อปวดตัว หรืออาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้ทุเลาลง ซึ่งวิธีกายภาพบำบัดด้วยการออกกำลังกายจะต้องใช้รูปแบบและความหนักเบาของการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับอาการของแต่ละบุคคล และต้องผ่านการวินิจฉัยโดยแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น
ซึ่งการออกกำลังกายมักจะถูกนำมาใช้ในการรักษาปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบกล้ามเนื้อและประสาท ซึ่งมีข้อดี คือ
- ช่วยเพิ่มมุมของข้อต่อ
- ช่วยเพิ่มความสามารถในการประสานกันของกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ
- ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
- ช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกาย
- ช่วยกระตุ้นระบบประสาท ทำให้สามารถควบคุมร่างกายได้ดีขึ้น
3. Modalities
Modalities คือ การทำกายภาพบำบัดโดยการใช้เครื่องมือเฉพาะทางเพื่อบำบัด ฟื้นฟู และรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อทั้งตัวและอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น โดยมักจะเป็นการกระตุ้นเซลล์ของร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการทำกายภาพบำบัดแบบ Modalities เช่น
- การใช้เครื่องไฟฟ้าหรือใช้กระแสไฟฟ้า
- การใช้ความร้อน – ความเย็น
- การใช้เครื่องมือสำหรับการดึงหลังและคอ
- การทำ Ultrasound หรือใช้คลื่นเสียง เป็นต้น
ซึ่งแน่นอนว่าการใช้เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อบำบัด ฟื้นฟู และรักษาอาการที่เกิดขึ้นจะต้องดำเนินการโดยนักกายภาพบำบัดหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านนั้น ๆ โดยตรง เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการรักษา
โรคที่สามารถรักษาได้ด้วยการทำกายภาพบำบัด
นอกจากอาการปวดเนื้อปวดตัว ผู้ป่วยโรคต่าง ๆ ยังสามารถรักษาและฟื้นฟูอาการได้ด้วยการทำกายภาพบำบัดเช่นเดียวกัน เนื่องจากการทำกายภาพบำบัดเป็นวิทยาศาสตร์เพื่อสุขภาพที่มีแพทย์เฉพาะทางหลายแขนง ซึ่งโรคที่สามารถรักษาได้ด้วยการทำกายภาพบำบัดนั้น ได้แก่
- โรคทางประสาท เช่น
- อัมพฤกษ์
- อัมพาต
- พาร์กินสัน
- เด็กที่มีภาวะสมองพิการตั้งแต่กำเนิด เป็นต้น
- โรคทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ เช่น
- กลุ่มอาการปวดคอ
- กลุ่มอาการจากหมอนรองกระดูกเสื่อม
- กลุ่มอาการปวดชาจากกระดูกสันหลังเคลื่อน
- กลุ่มอาการกล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง
- กลุ่มอาการปวดข้อเข่า
- กลุ่มผู้ป่วยกระดูกหัก เป็นต้น
- โรคทางทรวงอก ปอด และหัวใจ เช่น
- ผู้ป่วยปอดอักเสบ
นอกจากนี้การทำกายภาพบำบัดยังตอบโจทย์กับการเตรียมตัวก่อนผ่าตัดและการฟื้นฟูร่างกายหลังจากการผ่าตัดอีกด้วย เรียกได้ว่านอกจากจะช่วยลดอาการปวดทั้งตัวและส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ยังมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคต่าง ๆ เป็นอย่างมาก
———————————–
จะเห็นได้ว่าการทำกายภาพบำบัดเป็นหนึ่งในวิทยาศาสตร์เพื่อสุขภาพที่ช่วยรักษา ฟื้นฟู และลดอาการปวดเนื้อปวดตัว อาการปวดทั้งตัว หรืออาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้ทุเลาลงได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามทุกคนจะต้องหมั่นดูแลสุขภาพร่างกายของตนเอง ออกกำลังกายและทานอาหารที่มีประโยชน์อยู่เสมอ และที่สำคัญคือจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อไม่ให้อาการปวดกล้ามเนื้อทั้งตัวและอาการต่าง ๆ นั้นกลับมาเป็นปัญหาซ้ำอีกครั้ง