The Last Note: ผู้ชนะ ALS รู้จักแคมเปญ ALS

Health / Others

เมื่อน้ำแข็งกลายเป็นความหวัง และเสียงสุดท้ายเป็นจุดเริ่มต้นของการต่อสู้


ในฤดูร้อนปี 2014 สิ่งที่เรียบง่ายที่สุดในโลกได้กลายเป็นปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์การแพทย์ไปตลอดกาล นั่นคือ “น้ำแข็ง” ผู้คนทั่วโลกกว่า 17 ล้านคนหยิบถังน้ำแข็งเย็นจัดราดลงบนหัวของตัวเอง แล้วท้าทายเพื่อนๆ ให้ทำเช่นเดียวกัน สิ่งที่ดูเหมือนเกมสนุกๆ บนโซเชียลมีเดียนี้ กลับกลายเป็น “Ice Bucket Challenge” ที่ปลุกให้โลกตื่นรู้และหันมาใส่ใจโรค ALS (Amyotrophic Lateral Sclerosis) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง”

แคมเปญนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดจากความมุ่งมั่นของผู้ป่วย ALS สามคนที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา พวกเขาเปลี่ยนการวินิจฉัยที่น่ากลัวให้กลายเป็นแรงบันดาลใจที่ขยายวงกว้างไปทั่วโลก ภายในเพียง 6 สัปดาห์ แคมเปญนี้ระดมทุนได้มากกว่า 115 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และสร้างการตื่นรู้เกี่ยวกับ ALS ให้แก่ผู้คนหลายร้อยล้านคนทั่วโลก

โรค ALS เป็นโรคที่มีลักษณะเฉพาะคือการทำลายเซลล์ประสาทมอเตอร์ (Motor Neurons) ที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ การพูด การกลืน และการหายใจ จากการศึกษาในประเทศไทย พบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง และมักเริ่มมีอาการเมื่ออายุประมาณ 60 ปี

ผู้ป่วย ALS มักเริ่มมีอาการจากการที่กล้ามเนื้อมือและขาอ่อนแรง รวมถึงการพูดไม่ชัด การกลืนลำบาก และอาการกระตุกของกล้ามเนื้อ เมื่อโรคดำเนินไป ผู้ป่วยจะมีปัญหาในการเคลื่อนไหว การพูด การกิน และในที่สุดการหายใจ จากข้อมูลการวิจัยในประเทศไทย พบว่าช่วงเวลาตั้งแต่เริ่มมีอาการจนได้รับการวินิจฉัยเฉลี่ย 19.8 เดือน ซึ่งถือว่านานเกินไป

สิ่งที่น่าสนใจคือ โรค ALS ไม่ส่งผลต่อการรับรู้ ประสาทสัมผัส หรือการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งหมายความว่าผู้ป่วยยังคงมีสติและความทรงจำที่สมบูรณ์ แต่ร่างกายค่อยๆ สูญเสียการควบคุมไปทีละส่วน

เรื่องราวของ Ice Bucket Challenge เริ่มต้นจากครอบครัวที่ต้องเผชิญกับ ALS ในปี 2003 มีชายคนหนึ่งที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น ALS ตอนอายุ 32 ปี ภรรยาของเขาเล่าว่า “เราเพิ่งแต่งงานใหม่ๆ แล้วเราจะทำอย่างไร จะมียาให้รักษาหรือไม่ จะมีความหวังหรือเปล่า แต่ก็ไม่มีอะไรเลย”

ในปี 2014 ลูกพี่ลูกน้องของภรรยาผู้ป่วยรายนี้ ซึ่งเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพ ได้ท้าทายเธอให้เข้าร่วม Ice Bucket Challenge นี่เป็นครั้งแรกที่การท้าทายถังน้ำแข็งมีความเกี่ยวข้องกับ ALS เธอตัดสินใจรับคำท้าทาย ถ่ายวิดีโอราดน้ำแข็งใส่ตัวเอง “เพื่อสร้างความตื่นรู้เกี่ยวกับ ALS” และส่งต่อการท้าทายให้เพื่อนสาวสามคน

จากจุดเริ่มต้นนี้ แคมเปญได้แพร่กระจายไปยังผู้ป่วย ALS อีกสองคน ผู้ป่วยคนแรกได้รับการวินิจฉัยในปี 2013 ตอนอายุ 30 ปี ส่วนผู้ป่วยอีกคนได้รับการวินิจฉัยในปี 2012 ตอนอายุเพียง 27 ปี ทั้งสามคนนี้ร่วมมือกันผลักดันให้แคมเปญแพร่หลายไปทั่วโลก

ใน 5 วันแรกของเดือนสิงหาคม 2014 จำนวนวิดีโอท้าทายเพิ่มขึ้นจาก 1.2 ล้านเป็น 2.4 ล้านคลิป มีผู้คนกว่า 28 ล้านคนมีส่วนร่วมผ่านการโพสต์ แชร์ และกดไลก์ เซเลบริตี้ระดับโลกเข้าร่วม ตั้งแต่บิล เกตส์ โอปราห์ อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ไปจนถึงเทย์เลอร์ สวิฟต์

ความสำเร็จนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่การระดมทุน แต่ยังสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนในวงการวิจัย ALS:

  • มียาเพียงตัวเดียวคือ Riluzole ที่ได้รับอนุมัติสำหรับรักษา ALS
  • มีคลินิกแบบสหสาขาเพียง 100 แห่งเท่านั้น
  • การค้นพบยีนใหม่เกิดขึ้นทุกๆ หลายปี
  • ไม่มีการรักษาแบบกำหนดเป้าหมายตามลักษณะทางพันธุกรรม
  • ได้รับการอนุมัติยาใหม่ 2 ตัว คือ Radicava ในปี 2017 และ Qalsody ในปี 2023
  • จำนวนคลินิก ALS เพิ่มขึ้นเป็น 226 แห่งทั่วประเทศสหรัฐฯ
  • มีการค้นพบยีน ALS ใหม่อย่างน้อย 12 ตัว
  • มีการรักษาแบบกำหนดเป้าหมายตามยีนตัวแรกได้รับการอนุมัติ

การค้นพบยีน NEK1

ในปี 2016 สมาคม ALS ประกาศการค้นพบยีน NEK1 ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ระบุว่าเกี่ยวข้องกับ ALS ประมาณ 3% ของผู้ป่วย สมาคมลงทุนเงินจาก Ice Bucket Challenge จำนวน 1 ล้านดอลลาร์ในการวิจัยนี้

การพัฒนายา Tofersen (Qalsody)

สมาคม ALS เป็นองค์กรแรกที่ให้ทุนสนับสนุนการวิจัย Antisense Oligonucleotides (ASOs) ในปี 2004 แม้ว่าเทคโนโลยีนี้จะมีความเสี่ยงสูง พวกเขาลงทุนรวมกว่า 1.3 ล้านดอลลาร์ในเทคโนโลยี ASO และสนับสนุนการศึกษา 5 โครงการ การวิจัยเหล่านี้นำไปสู่การพัฒนายา Tofersen ที่ได้รับการอนุมัติในปี 2023 สำหรับรักษา ALS ที่เกิดจากการกลายพันธุ์ของยีน SOD1

การวิจัยโปรตีน TDP-43

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ ใช้เงินจาก Ice Bucket Challenge ค้นพบว่าโปรตีน TDP-43 ที่เสียหายในเซลล์ของผู้ป่วย ALS ส่วนใหญ่สามารถซ่อมแซมได้ ทำให้ “เซลล์ที่เสียหายสามารถรักษาตัวเองได้”

ยาใหม่ที่กำลังพัฒนา

ในปี 2024 มีบริษัทยาจำนวน 16 แห่งที่กำลังพัฒนาการรักษา ALS ใหม่ รวมถึง:

SPG302: ยาเม็ดวันละเม็ดที่ช่วยสร้างการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาทใหม่ ปัจจุบันอยู่ในการทดลองทางคลินิกเฟส 2

Small Molecule Condensate Modulators: ยาเล็กโมเลกุลที่กำหนดเป้าหมายที่โปรตีน TDP-43

การรักษาด้วยยีน: เพื่อแก้ไขการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมที่เป็นสาเหตุของ ALS บางรูปแบบ

การตื่นรู้ที่เพิ่มขึ้นจาก Ice Bucket Challenge ส่งผลให้การสนับสนุนจากรัฐบาลเพิ่มขึ้นอย่างมาก เงินทุนจาก National Institutes of Health (NIH) เพิ่มขึ้นจาก 49 ล้านดอลลาร์ต่อปีในปี 2015 เป็น 220 ล้านดอลลาร์ในปี 2024

การเปลี่ยนแปลงทัศนคติต่อโรค

Ice Bucket Challenge ไม่ได้เพียงแค่ระดมทุน แต่ยังเปลี่ยนวิธีที่สังคมมองต่อ ALS ก่อนหน้านี้ ALS เป็นโรคที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก แต่หลังจากแคมเปญ ผู้คนทั่วโลกเรียนรู้เกี่ยวกับอาการ การดำเนินของโรค และผลกระทบต่อผู้ป่วยและครอบครัว

แรงบันดาลใจสำหรับแคมเปญอื่นๆ

ความสำเร็จของ Ice Bucket Challenge สร้างแรงบันดาลใจให้เกิดแคมเปญระดมทุนสร้างสรรค์อื่นๆ มากมาย แม้ว่าจะไม่มีแคมเปญใดเทียบได้กับความนิยมของแคมเปญต้นฉบับ แต่ความตื่นรู้ที่เพิ่มขึ้นช่วยให้องค์กรต่างๆ ได้รับการสนับสนุนมากขึ้น

เครือข่ายการวิจัยที่แข็งแกร่ง

เงินจาก Ice Bucket Challenge ช่วยสร้างเครือข่ายนักวิจัย ALS ที่ใหญ่และแข็งแกร่งขึ้น ตั้งแต่ปี 2014-2018 สมาคม ALS ให้ทุน 322 โครงการแก่นักวิทยาศาสตร์ 237 คน การร่วมมือระหว่างนักวิจัยเพิ่มขึ้นจาก 71 คนที่ทำงานร่วมกัน 229 คู่ในปี 2014 เป็น 96 คนที่ทำงานร่วมกัน 471 คู่ในปี 2018

ข้อท้าทายที่ยังคงอยู่

แม้ว่าจะมีความก้าวหน้าอย่างมาก แต่ ALS ยังคงเป็นโรคที่ท้าทาย ยาที่มีอยู่ในปัจจุบันช่วยชะลอการดำเนินของโรคได้เพียงเล็กน้อย และยังไม่มียาที่สามารถหยุดหรือย้อนกลับความเสียหายได้

ความซับซ้อนของ ALS ที่มีสาเหตุหลากหลายทำให้ไม่น่าจะมี “กระสุนเงิน” ตัวเดียวที่จะแก้ปัญหาทุกอย่างได้ ดังนั้นการมีท่อนำการรักษาที่หลากหลายจึงเป็นสิ่งสำคัญ

การรักษาเฉพาะบุคคล

การพัฒนาการทดสอบทางพันธุกรรมและการปรึกษาทำให้การรักษาแบบเฉพาะบุคคลเป็นไปได้มากขึ้น การเข้าใจลักษณะทางพันธุกรรมของผู้ป่วยแต่ละคนจะช่วยให้สามารถเลือกการรักษาที่เหมาะสมที่สุด

เทคโนโลยีช่วยเหลือ

การพัฒนาเทคโนโลยีช่วยเหลือใหม่ๆ เช่น อุปกรณ์ควบคุมด้วยความคิด (Brain-Computer Interface) กำลังช่วยให้ผู้ป่วย ALS สามารถสื่อสารและควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ได้แม้ในระยะที่โรคลุกลามมาก

การขยายการเข้าถึงการรักษา

เป้าหมายคือให้ทุกคนทุกที่สามารถเข้าถึงการรักษา ALS แบบสหสาขาผ่านการผสมผสานระหว่างคลินิก การรักษาทางไกล และการดูแลที่บ้าน

Ice Bucket Challenge ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเมื่อผู้คนร่วมมือกัน สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ก็สามารถเป็นจริงได้ จากหยดน้ำแข็งที่เรียบง่าย กลายเป็นกระแสที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้ป่วย ALS ทั่วโลก

ผู้ป่วย ALS สามคนที่เริ่มต้นแคมเปญนี้ ได้แสดงให้เห็นว่าแม้จะเผชิญกับโรคร้ายแรง แต่พวกเขาเลือกที่จะเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ พวกเขาไม่ได้แค่ต่อสู้กับโรค แต่ยังสร้างมรดกที่จะช่วยเหลือคนรุ่นหลังๆ

วันนี้ นักวิจัยเชื่อว่าพวกเขาใกล้จะทำให้ ALS กลายเป็นโรคที่อยู่ร่วมได้ และในที่สุดรักษาให้หายได้ ความหวังนี้เกิดจากความกล้าหาญของผู้ที่กล้าหยิบถังน้ำแข็งขึ้นมา ไม่ใช่เพื่อตัวเองเท่านั้น แต่เพื่อทุกคนที่ยังต้องต่อสู้กับ ALS

“The Last Note” ของผู้ป่วย ALS ไม่ใช่เสียงแห่งการสิ้นหวัง แต่เป็นเสียงแห่งการเริ่มต้น เสียงที่เรียกร้องให้โลกตื่นรู้ เสียงที่ปลุกให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และเสียงที่จะก้องไปจนกว่าจะพบกับการรักษาที่แท้จริง

Ice Bucket Challenge ได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่จิตวิญญาณของมันยังคงอยู่ ในทุกๆ การวิจัย ทุกๆ การค้นพบ และทุกๆ ความหวังใหม่ที่เกิดขึ้น แคมเปญนี้ได้สอนเราว่า บางครั้งสิ่งเล็กๆ ที่เราทำวันนี้ อาจกลายเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ที่เปลี่ยนโลกในวันข้างหน้า


แหล่งอ้างอิง

  1. The ALS Association. “The ALS Ice Bucket Challenge.” Retrieved from: https://www.als.org/ibc
  2. Kulkantrakorn, K., et al. (2017). “Clinical, electrodiagnostic, and outcome correlation in ALS patients in Thailand.” Journal of Clinical Neuroscience, 43, 165-169.
  3. National Geographic. (2023). “How the ALS Ice Bucket Challenge made a lasting impact.”
  4. Northeastern University. (2024). “New Treatment Strategy Offers Hope for Halting ALS Progression.”
  5. The ALS Association. (2024). “2024 Progress Report.”
  6. Mass General Brigham. “Latest ALS Research and Clinical Trials.”
  7. Research Triangle Institute International. (2019). “Ice Bucket Challenge dramatically accelerated the fight against ALS.”

บทความที่เกี่ยวข้อง