ถ้าใครเคยไปเที่ยวอินโดนีเซีย โดยเฉพาะบนเกาะชวา น่าจะต้องเคยผ่านตาหนึ่งในเมนูยอดฮิตของคนท้องถิ่น ที่มีชื่อว่า เทมเป้ (Tempeh)
คนอินโดฯ กินเทมเป้กันมานานหลายร้อยปีแล้ว โดยเฉพาะในเขตชวากลางอย่างเมืองยอกยาการ์ตา (Yogyakarta) และสุราการ์ตา (Surakarta) หากไปเดินในตลาดท้องถิ่น เราจะพบเทมเป้วางขายอยู่เต็มไปหมด ส่วนในเมนูร้านอาหาร ก็จะปรากฏคำว่าเทมเป้ในหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็น Tempeh Goreng (เทมเป้ชุบน้ำเกลือทอด) Tempeh Bacem (เทมเป้ทอดแบบปรุงรสเผ็ด) และ Tempeh Penyat (เทมเป้ชิ้นบางที่กินกับน้ำพริก) ฯลฯ
แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความนิยมของเทมเป้ไม่ได้อยู่แค่ในอินโดนีเซียเท่านั้น เพราะเหล่าคนรักสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ที่กินมังสวิรัติหรือวีแกน ค้นพบว่าเทมเป้เป็นอาหารจากพืชอีกเมนูหนึ่งที่มีประโยชน์มหาศาล ว่าแล้ววันนี้ เรามาทำความรู้จักเทมเป้กันให้ลึกซึ้งดีกว่า
เทมเป้… ชื่อเหมือนอาหารญี่ปุ่น แต่จริงๆ แล้วคืออะไร?
เทมเป้ทำมาจากถั่วเหลืองที่นำไปหมักกับเชื้อสายพันธุ์ Rhizopus Oligosporus โดยเชื้อราชนิดนี้มีคุณสมบัติย่อยโปรตีนในถั่วเหลืองให้ร่างกายดูดซึมได้ง่ายและย่อยกรดไฟเตต ((phytic acid) ที่เป็นสารต้านโภชนาการ (anti-nutrients) ขัดขวางการดูดซึมแคลเซียม สังกะสี และเหล็ก การรับประทานเทมเป้เป็นประจำจึงทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารเหล่านี้ได้ดียิ่งขึ้น
เทมเป้ยังจัดเป็นอาหารจากพืชที่อัดแน่นไปด้วยสารอาหารที่เข้มข้นและใกล้เคียงรูปแบบธรรมชาติมากที่สุด (Whole food, Plant-based diet) เพราะทำมาจากถั่วเหลืองเต็มเมล็ดที่นำไปต้มและหมักกับเชื้อราจนเกิดเป็นเส้นใยสีขาวถักทอให้เกาะกันเป็นก้อน ต่างจากผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองชนิดอื่น เช่น เต้าหู้ ที่ทำมาจากน้ำนมถั่วเหลือง ไม่ใช่ถั่วเหลืองเต็มเมล็ด
เทมเป้ สุดยอดอาหารสัญชาติอินโดฯ
คุณประโยชน์ของเทมเป้นั้นมีมากมายจนแทบไม่อยากเชื่อว่าทั่วโลกจะเพิ่งรู้จัก Superfood สัญชาติอินโดฯ ชนิดนี้เมื่อราวสิบกว่าปีที่ผ่านมานี้เอง
1) ส่งเสริมสุขภาพลำไส้ กระตุ้นระบบขับถ่าย
เพราะผ่านกระบวนการหมักด้วยเชื้อรา เทมเป้จึงอุดมไปด้วยโพรไบโอติกส์ (Probiotics) หรือจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยส่งเสริมให้ระบบทางเดินอาหารและระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้น เทมเป้ยังมีใยอาหารหรือไฟเบอร์ (Fibre) ที่จัดเป็นอาหารของจุลินทรีย์ชนิดดี หรือที่เรียกว่า พรีไบโอติกส์ (Prebiotics) ทำให้การทำงานของจุลินทรีย์ชนิดดีมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
2) อิ่มท้อง โปรตีนสูง
เรารู้กันดีอยู่แล้วว่า ถั่วเหลืองที่เป็นส่วนผสมหลักในเทมเป้ จัดเป็นอาหารจากพืชที่ให้โปรตีนสูง โดยเทมเป้ 100 กรัม มีโปรตีนสูงถึง 20.7 กรัม ซึ่งถือว่ามากเป็นเท่าตัวของโปรตีนที่พบในเต้าหู้เสียอีก โปรตีนในเทมเป้ยังมีกรดอะมิโนจำเป็น 9 ชนิด ที่ร่างกายของเราต้องการ นอกจากนั้น โปรตีนที่สูงจะช่วยให้เราอิ่มท้อง เมื่อบวกกับความที่เทมเป้มีคาร์โบรไฮเดรตและโซเดียมต่ำ จึงทำให้เทมเป้เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักอีกด้วย
3) ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล
ถั่วเหลืองในเทมเป้อุดมไปด้วยไอโซฟลาโวน (Isoflavones) สารอาหารจากพืชที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ไขมันเลว (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ (Triglycerides)
4) ช่วยสร้างเสริมความแข็งแรงให้กระดูก
เทมเป้อุดมไปด้วยสารอาหารอีกหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อการเติบโตและบำรุงกระดูก เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และเพราะกระบวนการหมักเทมเป้จะไปช่วยย่อยสารต้านโภชนาการที่ขัดขวางการดูดซึมสารอาหารของร่างกาย ทำให้การกินเทมเป้เป็นประจำช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารแร่ธาตุต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้นด้วย
5) ช่วยปรับสมดุลสารอนุมูลอิสระ
ไอโซฟลาโวนยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) ที่ช่วยต้านการอักเสบของเซลล์ ชะลอความเสื่อมของเซลล์ และยังอาจช่วยยับยั้งการเติบโตของมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเต้านมและมะเร็งต่อมลูกหมาก
ประโยชน์มากมายขนาดนี้ หลายคนน่าจะสนใจอยากลองชิมเทมเป้กันดูบ้างแล้ว ข่าวดีก็คือ ทุกวันนี้ เราสามารถหาซื้อเทมเป้ในประเทศไทยได้ง่ายขึ้น เช่นตามร้านขายอาหารเพื่อสุขภาพ หรือในซูเปอร์มาร์เก็ตบางแห่ง และเทมเป้ก็สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลาย ตั้งแต่ ทอด ผัก แกง อบ หรือแม้แต่รับประทานสด
แต่… สำหรับคนที่แพ้ถั่วเหลือง การรับประทานเทมเป้อาจเป็นอันตรายได้ และระวังสักนิดสำหรับผู้ที่มีภาวะผิดปกติเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ เพราะเทมเป้มีสารกอยโทรเจน (Goitrogens) ที่อาจยับยั้งการสังเคราะห์ฮอร์โมนไทรอยด์และลดประสิทธิภาพในการดูดซึมยารักษาไทรอยด์
–