Squalane เติมความชุ่มชื้นให้ทุกสภาพผิว

Health / Others

ผิวสุขภาพดีต้องมีลักษณะอย่างไรกัน? 

การมีผิวสุขภาพดีนั้นนอกจากบ่งบอกได้จากลักษณะต่างๆ อย่างความเรียบเนียน, ความสม่ำเสมอของสีผิว, การมีปราการผิวหรือ skin barrier ที่แข็งแรง, มีความกระชับเต่งตึง ไปจนถึงการปราศจากปัญหาผิวเรื้อรังแล้ว ผิวที่มีความชุ่มชื้นตามธรรมชาติก็เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติของการมีคุณภาพผิวที่ดีด้วย 

ในการเติมน้ำให้แก่ผิวนั้นก็สามารถทำได้หลากหลายวิธี ตั้งแต่การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกายในแต่ละวัน หรือการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นมลภาวะจากแสงแดด ฝุ่น ควัน ไปจนถึงการเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลดูแลผิวที่มีส่วนผสมที่มีคุณสมบัติเฉพาะในการแก้ปัญหาผิว ที่ผ่านมา การเติมความชุ่มชื้นให้ชั้นผิวนั้น นอกจากกรดไฮยาลูโรนิกที่เราคุ้นเคยกันดีแล้ว อีกหนึ่งส่วนผสมอันทรงพลังที่มีคุณสมบัติที่ดีในการเติมน้ำให้ผิวยังมีชื่อของ “สควาเลน” (Squalane) รวมอยู่ในนั้นด้วย  

Squalane และ Squalene 

ก่อนที่จะมาไขข้อข้องใจว่า “สควาเลน” คืออะไร เราขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ “สควาลีน” (Squalene) กันเสียก่อน โดยสควาลีนนั้นคือไขมันจากธรรมชาติที่สามารถพบได้ทั้งในพืช อย่างเช่น อ้อย จมูกข้าวสาลี ผลมะกอก และรำข้าว รวมทั้งจากสัตว์หลายชนิด ตลอดจนในร่างกายของมนุษย์เราด้วย โดยผิวหนังของเราจะผลิตสควาลีนเพื่อทำหน้าที่ในการปกป้องผิวหนังชั้นนอก อีกทั้งยังช่วยสร้างความชุ่มชื้นให้แก่อวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย ทั้งผิวพรรณ เส้นผม และเล็บ พร้อมๆ ไปกับเคลือบผิวของเราไม่ให้เกิดการสูญเสียน้ำ ซึ่งจากการวิจัยพบว่า ระดับของน้ำมันชนิดดังกล่าวจะถูกผลิตน้อยลงเมื่อเรามีอายุมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อผิวเราต้องเผชิญกับปัจจัยภายนอกที่มีผลต่อผิวอย่างมลภาวะ แสงแดด และแสงยูวี ก็ยิ่งทำให้ปริมาณของสควาลีนในผิวถูกนำออกมาใช้เพื่อต่อสู้และปกป้องผิวมากขึ้นไปอีก 

แล้วสควาเลน มาจากไหน? สควาเลน คือการนำเอาสควาลีน ทั้งจากพืชและสัตว์ไปผ่านกระบวนการ Hydrogenation เพื่อทำให้โครงสร้างโมเลกุลมีขนาดเล็กลง มีเนื้อสัมผัสเบาขึ้น ขณะที่ยังสามารถคงประสิทธิภาพได้เสถียรและยาวนานยิ่งขึ้น ซึ่งหากอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ – สควาเลนก็คือผลผลิตจากสควาลีนนั่นเอง

ช่วยผิวอย่างไร  

ที่ผ่านมา ทั้งสควาลีนและสควาเลนเป็นสารที่ถูกนำไปใช้ในทางการแพทย์เพื่อรักษาแผลและปัญหาผิวหนังของผู้ป่วย โดยหลังจากที่ค้นพบว่าสารทั้ง 2 ชนิดมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำมันธรรมชาติบนชั้นผิวของมนุษย์ จึงมีการนำเอาสารดังกล่าวไปใช้องค์ประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ซึ่งจะมีคุณสมบัติเด่นในเรื่องของการล็อคความชุ่มชื้นในชั้นผิว มีฤทธิ์ในการบรรเทาการอักเสบของผิวหนังและปลอบประโลมผิว ช่วยลดการผลิตน้ำมันส่วนเกินและคงสมดุลการผลิตน้ำมันในต่อมไขมันให้เป็นกลาง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดเลือนริ้วรอย พร้อมๆ ไปกับการปกป้องผิวชั้นบน เซลล์ผิวชั้นลึก และชั้นคอลลาเจนจากการทำลายของปัจจัยภายนอก สามารถฟื้นฟูผิวชั้นลึกจากการเสื่อมสภาพให้กลับมามีสุขภาพดี ช่วยเสริมความแข็งแรงของปราการผิว และรักษาสิวได้ด้วย

เหมาะกับใคร

ด้วยคุณสมบัติเด่นของทั้งสควาลีนและสควาเลนที่ไม่เพียงแต่จะไม่มีสี ไม่มีกลิ่น สามารถดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดีและรวดเร็ว โดยไม่ทิ้งความมันเท่านั้น แต่ด้วยผลการวิจัยที่บ่งชี้ว่า ส่วนผสมดังกล่าวมีความอ่อนโยนโดยจะไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง ทำให้สควาลีนและสควาเลนสามารถใช้ได้ทุกสภาพผิว แม้ผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย โดยสควาลีนซึ่งมีเนื้อสัมผัสที่หนักกว่าจะเหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้งถึงแห้งมากเป็นพิเศษ สำหรับสควาเลนซึ่งผ่านกระบวนการปรับโครงสร้างโมเลกุลทำให้มีความบางเบากว่านั้นเหมาะกับสภาพผิวทุกแบบ โดยจะทำงานได้ดีกับผู้ที่มีผิวผสม ผิวมัน หรือผิวที่เป็นสิวได้ง่าย

นอกจากจะถูกนำไปใช้เป็นองค์ประกอบเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวประเภทต่างๆ แล้ว เรายังสามารถนำส่วนผสมดังกล่าวไปมิกซ์แอนด์แมชกับสารบำรุงผิวชนิดอื่นๆ ได้อีก ตั้งแต่วิตามินซี, Retinol และ Salicylic Acid โดยไม่ต้องกังวลว่าจะก่อให้เกิดอาการแพ้ เรียกได้ว่าเป็นส่วนผสมที่อ่อนโยน เป็นมิตร และปลอดภัย แบบที่ดีทั้งต่อผิวและต่อใจเลยทีเดียว

อ้างอิง:
www.facebook.com/HakubiThailand
www.healthline.com/health
www.theskincareedit.com
www.self.com
www.allure.com
www.byrdie.com

บทความที่เกี่ยวข้อง