ก่อนหน้านี้ hhc Thailand เคยนำเอาเรื่อง ‘เคล็ดลับสู่การเป็น Super Ager’ มาฝากกันไปแล้ว ซึ่งเคล็ดลับส่วนหนึ่งในการเป็นสูงวัยแบบสุดยอด คือ การขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว การเข้าสังคม และมีความสุขกับชีวิต
แต่… ปัญหาหนึ่งที่ผู้สูงวัยมักประสบคือ เมื่ออายุมากขึ้น การจะออกไปใช้ชีวิตภายนอกบ้าน กลับเป็นเรื่องยากมากขึ้นตามไปด้วย เพราะหลายคนไม่สามารถขับรถได้อย่างเคย ส่วนระบบขนส่งสาธารณะของบ้านเราก็ไม่เอื้ออำนวยต่อผู้สูงอายุ หรือจะรอให้ลูกหลานพาไปก็มักจะต้องเป็นวันหยุดของพวกเขา
ถ้าผู้สูงอายุท่านไหนกำลังประสบปัญหานี้ เรามีบริการหนึ่งที่น่าจะตอบโจทย์มาแนะนำ นั่นคือ Go Mamma (โกว-มาม่า) บริการแท็กซี่รับ-ส่งผู้สูงวัย… ที่เป็นมากกว่าแท็กซี่
เพิ่มความสุขแก่ผู้สูงอายุ ให้ออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านได้อย่างอิสระ
คุณรสรี ซันจวน ผู้ร่วมก่อตั้ง Go Mamma ได้ไอเดียของบริการแท็กซี่สำหรับผู้สูงวัยที่เป็นมากกว่าแท็กซี่ มาจากคุณป้าของเธอเอง เพราะก่อนหน้านี้ เวลาคุณป้าอยากจะออกไปไหนมาไหน ก็มักเจอปัญหาไม่ค่อยได้ไปตามที่ใจอยาก เพราะลูกหลานที่ล้วนมีภาระหน้าที่การงานไม่สามารถไปรับไปส่งคุณป้าได้ทุกครั้ง โดยคุณรสรีสังเกตว่าเมื่อใดที่คุณป้าได้ออกไปข้างนอก จะรู้สึกสดใส แต่ถ้าต้องอยู่บ้านนานๆ ก็จะเริ่มห่อเหี่ยว เธอจึงเห็นความสำคัญของการที่ผู้สูงอายุได้ออกไปใช้ชีวิตภายนอกบ้านอย่างอิสระ ไม่ว่าจะไปพบปะเพื่อนฝูง ทำธุระส่วนตัว หรือเที่ยวเล่นเปิดหูเปิดตา ว่าไม่เพียงทำให้พวกเขามีสุขภาพใจที่ดีเท่านั้น แต่การได้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวก็ยังช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง และที่สำคัญที่สุดคือ ทำให้พวกเขามีความสุข ซึ่งนี่เองก็คือจุดเริ่มต้นของ Go Mamma
แท็กซี่สำหรับผู้สูงวัยที่เป็นมากกว่าแท็กซี่
เมื่อต้องการสนับสนุนให้ผู้สูงวัยได้ออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านได้อย่างอิสระ ไม่ต้องพึ่งพาลูกหลานทุกครั้ง Go Mamma จึงเสนอบริการรถแท็กซี่รับส่งสำหรับผู้สูงวัย โดยแบ่งบริการออกเป็นดังนี้
- รับและส่งเที่ยวเดียว: เหมือนการเรียกรถแท็กซี่มารับและไปส่งที่จุดหมายตามปกติ
- รับ-รอ-ส่ง: บริการนี้ ผู้สูงวัยสามารถเลือกจุดหมายที่ต้องการไปได้สูงสุดถึง 3 ที่ (ไม่รวมสถานที่ส่งกลับ) เช่น เรียกรถมารับที่บ้านแล้วไปโรงพยาบาล รอจนผู้สูงวัยเสร็จธุระจากที่โรงพยาบาล ก็ไปแวะช็อปปิ้งและกินข้าวกับเพื่อนต่อได้ ก่อนพาผู้สูงวัยกลับมาส่งที่บ้านตามเดิม โดยคนขับจะให้บริการรอ เริ่มต้นที่ 1 ชั่วโมง และสามารถจองชั่วโมงรอเพิ่มได้สูงสุด 5 ชั่วโมง
- ผู้ดูแล: คนขับรถแท็กซี่ของ Go Mamma จะให้บริการรับ-ส่งแค่ภายนอกอาคารเท่านั้น แต่หากผู้สูงวัยต้องการบริการช่วยเหลืออื่นๆ เช่น ผู้ดูแลที่พาเข้าไปพบแพทย์ในโรงพยาบาล ก็สามารถเลือกบริการเสริมนี้ตอนที่จองรถได้ โดยผู้ดูแลจะไปพบคุณที่จุดนัดพบและให้บริการเริ่มต้นที่ 5 ชั่วโมง
รถแท็กซี่ของ Go Mamma ยังสามารถรองรับรถเข็น (wheelchair) ในขนาดที่พับแล้วไม่เกิน 40x50x100 ซม. ส่วนค่าบริการนั้น เราแนะนำให้เช็กทางเว็บไซต์หรือเพจของ Go Mamma โดยตรง (เพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต) แต่สรุปง่ายๆ คือ รถแท็กซี่จะคิดค่ารถตามมิเตอร์และค่าทางด่วน ส่วนค่าบริการที่เพิ่มเข้าไปนั้นก็ไม่แพงเลย
ปลอดภัย ไร้กังวล
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ทั้งผู้สูงวัยและลูกหลานที่เริ่มสนใจบริการของ Go Mamma ก็น่าจะมีคำถามหนึ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือ บริการรถรับ-ส่งของ Go Mamma ปลอดภัยและไว้ใจได้แค่ไหน?
Go Mamma เข้าใจประเด็นนี้เป็นอย่างดี ทางบริษัทจึงเน้นการคัดกรองพนักงานขับรถและผู้ดูแลอย่างเข้มงวด โดยอันดับแรกคือ ต้องไม่มีประวัติอาชญากรรม ไม่มีปัญหาทางด้านการเงิน และทุกคนต้องผ่านการอบรมเรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้น (สำหรับในกรณีฉุกเฉิน) การเคลื่อนย้ายผู้สูงอายุขึ้น-ลงจากรถ และจิตวิทยาผู้สูงอายุ รวมทั้งได้รับการประเมินการทำงานอย่างต่อเนื่อง
หากเป็นพนักงานขับรถแท็กซี่ต้องมีใบขับขี่ มีใบรับรอง และเป็นเจ้าของรถเอง (เพราะเมื่อเป็นรถของเขาเอง เขาจะให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาความปลอดภัยและความสะอาดของรถ) โดยพนักงานขับรถจะมียูนิฟอร์มเป็นเสื้อสีเหลืองสะดุดตาพร้อมโลโก้ Go Mamma ปักที่หน้าอกเห็นเด่นชัด ช่วยให้ผู้สูงวัยสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน ส่วนทางฝั่งผู้ดูแลนั้น ต้องมีประสบการณ์การทำงานดูแลผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุมาก่อน อย่างน้อยในระดับผู้ช่วยพยาบาล
นอกจากนั้น Go Mamma จะเน้นการคัดเลือกพนักงานที่มีทัศนคติที่ดี เข้าใจงานบริการ และให้บริการผู้สูงวัยเหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่ของตัวเอง ที่สำคัญที่สุด รถทุกคันติดตั้งระบบ tracking โดยลูกหลานสามารถแชทกับคนขับได้โดยตรง ทำให้ไว้วางใจได้มาก
.
.
หากเริ่มอยากลองใช้บริการของ Go Mamma ขึ้นมาบ้างแล้ว สามารถโหลดแอปพลิเคชัน Go Mamma แล้วจองบริการผ่านทางแอปฯ ได้เลย หรือจะจองผ่านไลน์ @gomamma หรือโทร. จองง่ายๆ ทาง 094.429.2296 (8.00-18.00 น.) ก็ได้ทั้งนั้น
–
ข้อมูลจาก:
go-mamma.com
facebook.com/GoMAMMAtaxi
readthecloud.co
creativetalklive.com
