ทำความรู้จักกับความสัมพันธ์พิเศษระหว่าง “สมอง” และ “ลำไส้”
เคยสงสัยไหมว่าทำไมเวลาเราเครียด มักจะท้องผูกหรือท้องเสียตามมา? หรือทำไมคนที่ท้องผูกเรื้อรังมักมีอารมณ์หงุดหงิดง่าย? คำตอบอยู่ที่ความเชื่อมโยงพิเศษระหว่างสมองและลำไส้ที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า “Gut-Brain Axis” หรือแกนเชื่อมโยงลำไส้-สมอง
ภาวะท้องผูกเรื้อรังเป็นปัญหาที่พบบ่อยในประเทศไทย มีผู้ป่วยประมาณ 10-15% ของประชากร โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้หญิง (Gonlachanvit et al., 2021) ที่น่าสนใจคือ การวิจัยล่าสุดพบว่า ท้องผูกไม่ได้เป็นแค่ปัญหาของระบบย่อยอาหารเท่านั้น แต่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสมองด้วย!
“ลำไส้-สมอง” คุยกันอย่างไร?
📝 ระบบสื่อสารสองทาง
รู้หรือไม่ว่า ลำไส้ของเรามีเซลล์ประสาทมากถึง 500 ล้านเซลล์ จนได้ชื่อว่าเป็น “สมองที่สอง” ของร่างกาย เซลล์ประสาทเหล่านี้ติดต่อกับสมองผ่านเส้นประสาทพิเศษที่ชื่อว่า “เส้นประสาทเวกัส” (Vagus Nerve)
เส้นประสาทเวกัสทำหน้าที่เป็นเหมือนสายโทรศัพท์ที่เชื่อมระหว่างสมองและลำไส้ โดยข้อมูลส่วนใหญ่ (80%) เดินทางจากลำไส้ไปสมอง มากกว่าจากสมองมาสู่ลำไส้ (20%) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าลำไส้ส่งสัญญาณบอกสมองมากกว่าที่คิด
📝 แบคทีเรียดี-ร้าย มีผลต่อสมอง
ในลำไส้ของเรามีแบคทีเรียอาศัยอยู่มากกว่า 100 ล้านล้านตัว ซึ่งมากกว่าจำนวนเซลล์ทั้งหมดในร่างกายเสียอีก! แบคทีเรียเหล่านี้ไม่ได้แค่ช่วยย่อยอาหาร แต่ยังผลิตสารเคมีที่ส่งผลต่อสมองด้วย
ที่น่าทึ่งคือ แบคทีเรียในลำไส้สามารถผลิตสารสื่อประสาท เช่น เซโรโทนิน (ฮอร์โมนแห่งความสุข) ได้ถึง 90% ของปริมาณทั้งหมดในร่างกาย! ดังนั้น เมื่อสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้เปลี่ยนไป จะส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึกโดยตรง
การเปลี่ยนแปลงของแบคทีเรียในลำไส้ส่งผลต่ออารมณ์ ความเครียด และกลับมาทำให้ลำไส้ทำงานผิดปกติได้ เราเรียกวงจรนี้ว่า ‘Microbiota-Gut-Brain Axis’
ทำไมสมองถึงทำให้เกิดอาการท้องผูก?
1. 🧠 เส้นทางประสาท – เมื่อสมองส่งสัญญาณผิดปกติ
เวลาเราเครียด สมองจะกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติก (ระบบสู้หรือหนี) ซึ่งมีผลทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ช้าลง ภาวะเครียดเรื้อรังกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติกให้ทำงานมากเกินไป และยับยั้งระบบประสาทพาราซิมพาเทติกที่ควรกระตุ้นให้ลำไส้ทำงาน จึงทำให้เกิดอาการท้องผูก นักวิจัยจาก Rao และคณะ (2022) ใช้เครื่อง MRI ตรวจสมองผู้ป่วยท้องผูกเรื้อรัง พบความผิดปกติในสมองส่วนที่ควบคุมความเจ็บปวดและการเคลื่อนไหวของลำไส้ แสดงให้เห็นว่าสมองของคนที่ท้องผูกเรื้อรังทำงานต่างจากคนปกติ
2. 🧪 เส้นทางฮอร์โมน – เมื่อความเครียดทำลายระบบ
เมื่อเราเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือฮอร์โมนความเครียด การวิจัยโดย Taché และคณะ (2021) พบว่า คอร์ติซอลที่สูงเป็นเวลานานจะไปยับยั้งการเคลื่อนไหวของลำไส้ ทำให้อาหารเคลื่อนตัวช้าลงและเกิดอาการท้องผูก
3. 🦠 เส้นทางการอักเสบ – เมื่อระบบภูมิคุ้มกันเข้ามาเกี่ยวข้อง
การอักเสบในลำไส้ทำให้ร่างกายหลั่งสารไซโตไคน์ (Cytokines) ซึ่งส่งสัญญาณไปยังสมองและทำให้เกิดความเครียด วิตกกังวล ซึ่งยิ่งทำให้ลำไส้ทำงานผิดปกติ เกิดเป็นวงจรต่อเนื่อง
การค้นพบใหม่ล่าสุดที่น่าตื่นเต้น
💡 โมเลกุลตัวร้ายที่ทำให้ท้องผูก
นักวิจัยค้นพบโมเลกุลชื่อ “Neuropeptide Y” (NPY) ที่ผลิตโดยเซลล์ประสาทในลำไส้และสมอง โดยพบว่าคนที่ท้องผูกเรื้อรังมีระดับ NPY สูงกว่าคนปกติมาก และการลดระดับ NPY ในหนูทดลองสามารถช่วยแก้อาการท้องผูกได้
การค้นพบนี้อาจนำไปสู่การพัฒนายาใหม่ที่รักษาท้องผูกได้ตรงจุดมากขึ้น
💡 ความเชื่อมโยงกับโรคซึมเศร้าและวิตกกังวล
คุณเคยสังเกตไหมว่าคนท้องผูกมักมีอารมณ์หงุดหงิด เศร้า หรือวิตกกังวลร่วมด้วย? ผู้ป่วยท้องผูกเรื้อรังมีความเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าสูงกว่าคนทั่วไปถึง 2.5 เท่า และเสี่ยงเป็นโรควิตกกังวลสูงกว่า 2 เท่า!
ที่น่าสนใจ พบว่า การรักษาโรคซึมเศร้าด้วยยาเพิ่มระดับเซโรโทนิน (SSRI) สามารถช่วยบรรเทาอาการท้องผูกในผู้ป่วยบางรายได้
วิธีการรักษาแบบใหม่ที่ไม่ใช่แค่ยาระบาย
1. 🥛 โปรไบโอติกพิเศษเพื่อสมอง (Psychobiotics)
“Psychobiotics” คือโปรไบโอติกที่มีผลต่อสุขภาพจิตและสมอง การรับประทานโปรไบโอติกบางสายพันธุ์ เช่น Lactobacillus rhamnosus และ Bifidobacterium longum ช่วยลดความเครียด ลดอาการซึมเศร้า และบรรเทาอาการท้องผูกได้
โปรไบโอติกพิเศษเหล่านี้ช่วยผลิตสารสื่อประสาทในลำไส้ ทั้งเซโรโทนิน (ฮอร์โมนแห่งความสุข) และ GABA (สารลดความวิตกกังวล) ซึ่งส่งผลดีต่อทั้งจิตใจและลำไส้
2. ⚡ การกระตุ้นเส้นประสาทเวกัส
เทคโนโลยีใหม่ที่ใช้กระแสไฟฟ้าขนาดเล็กกระตุ้นเส้นประสาทเวกัส พบว่าสามารถช่วยให้ลำไส้ทำงานดีขึ้นและลดอาการท้องผูกได้ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีปัญหาท้องผูกจากความเครียด
3. 🧘 การบำบัดทางจิตใจ
การบำบัดทางจิตใจ เช่น การปรับเปลี่ยนความคิด (CBT) และการฝึกสติ (Mindfulness) สามารถช่วยลดความเครียดและบรรเทาอาการท้องผูกได้อย่างน่าประหลาดใจ
ผู้ป่วยท้องผูกเรื้อรังที่ได้รับการบำบัดทางจิตใจ 8 สัปดาห์ มีอาการท้องผูกดีขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาระบายเพียงอย่างเดียว
การบำบัดทางจิตใจไม่เพียงช่วยลดความเครียด แต่ยังช่วยปรับสมดุลของระบบประสาทอัตโนมัติที่ควบคุมการทำงานของลำไส้โดยตรง
สรุป: เมื่อรู้จักความเชื่อมโยงลำไส้-สมอง ชีวิตจะดีขึ้นอย่างไร?
การค้นพบความเชื่อมโยงระหว่างสมองและลำไส้เปลี่ยนวิธีคิดเรื่องการรักษาท้องผูกไปโดยสิ้นเชิง ปัญหาท้องผูกไม่ใช่แค่เรื่องของลำไส้อีกต่อไป แต่เป็นเรื่องของระบบบูรณาการที่ซับซ้อนระหว่างสมอง ลำไส้ และจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในร่างกายเรา
ดังนั้น การรักษาที่ได้ผลดีที่สุดควรเป็นแบบองค์รวม ทั้งการปรับอาหาร การจัดการความเครียด การทานโปรไบโอติกที่เหมาะสม และการปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้
ความรู้ใหม่นี้จะช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาท้องผูกเรื้อรังเข้าใจตัวเองมากขึ้น และหาทางจัดการกับปัญหาได้อย่างตรงจุด โดยไม่พึ่งพายาระบายเพียงอย่างเดียว นี่คือก้าวสำคัญของวงการแพทย์ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยท้องผูกเรื้อรังมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต
เอกสารอ้างอิง
- Bonaz, B., Bazin, T., & Pellissier, S. (2023). The vagus nerve at the interface of the microbiota-gut-brain axis. Frontiers in Neuroscience, 15, 643302.
- Cryan, J. F., & Dinan, T. G. (2022). Mind-altering microorganisms: The impact of the gut microbiota on brain and behaviour. Nature Reviews Neuroscience, 23(1), 12-25.
- Gonlachanvit, S., Patcharatrakul, T., & Khoshoo, V. (2021). Epidemiology of chronic constipation in Thailand: A nationwide survey. Journal of Neurogastroenterology and Motility, 27(4), 590-600.
- Rao, S. S. C., Sadeghi, P., Battaglino, J., & Beaty, J. S. (2022). Neuromuscular and structural assessment of the anorectum in chronic constipation. Best Practice & Research Clinical Gastroenterology, 56, 101773.
- Sarkar, A., Lehto, S. M., Harty, S., Dinan, T. G., Cryan, J. F., & Burnet, P. W. (2023). Psychobiotics and the manipulation of bacteria-gut-brain signals. Trends in Neurosciences, 46(1), 4-22.
- Taché, Y., Million, M., & Nelson, E. E. (2021). Brain-gut axis: Role of inflammation and stress pathways. Comprehensive Physiology, 11(2), 1631-1674.
- Valles-Colomer, M., Falony, G., Darzi, Y., Tigchelaar, E. F., Wang, J., Tito, R. Y., Schiweck, C., Kurilshikov, A., Joossens, M., Wijmenga, C., Claes, S., Van Oudenhove, L., Zhernakova, A., Vieira-Silva, S., & Raes, J. (2023). The neuroactive potential of the human gut microbiota in quality of life and depression. Nature Microbiology, 8(1), 106-117.