ไวรัสตับอักเสบคือภัยคุกคามที่เข้ามากล้ำกรายทำลายสุขภาพของเรา
ไวรัสตับอักเสบคือหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้คนมากมายทั่วโลก โดยเฉพาะไวรัสตับอักเสบชนิดบีและซีที่ถูกพบสูงในประเทศไทย แม้การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบแต่ละชนิดมีลักษณะอาการคล้ายกัน แต่อาการอาจมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อไวรัสที่ได้รับ แต่ไม่ว่าไวรัสตับอักเสบมีกี่ชนิด การรู้จักการป้องกันและอาการของแต่ละชนิดย่อมมีความสำคัญ ในบทความนี้จะพามาดูว่าไวรัสตับอักเสบมีกี่ชนิด แต่ละชนิดส่งผลต่อสุขภาพและแสดงอาการอย่างไร? ตลอดถึงวิธีรักษาและป้องกันไวรัสตัวร้ายที่เป็นสาเหตุมะเร็งตับ เพื่อให้ทุกคนเข้าใจถึงความสำคัญในการใส่ใจสุขภาพ
ไวรัสตับอักเสบคือสาเหตุของภัยอันตรายทั้งตับอักเสบและมะเร็งตับ
ไวรัสตับอักเสบเป็นภัยคุกคามที่มีผลกระทบต่อสุขภาพทำให้เกิดการอักเสบของตับเรื้อรังหรือการอักเสบอย่างเฉียบพลัน ซึ่งอาจกลายเป็นสาเหตุที่นำไปสู่มะเร็งตับได้ โดยไวรัสตับอักเสบที่เป็นตัวการทำให้เกิดตับอักเสบมีด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่ ไวรัสตับอักเสบชนิดบีและไวรัสตับอักเสบชนิดซี ไวรัสตับอักเสบแต่ละชนิดคร่าชีวิตของคนไทยไปจำนวนมาก เนื่องจากหากมีการติดเชื้อจะทำให้เซลล์ตับถูกทำลายจนนำไปสู่การเกิดตับแข็ง
เพิ่มโอกาสพัฒนาไปเป็นมะเร็งตับที่มีผลร้ายแรงและรักษาได้ยากขึ้น ดังนั้นหากพบว่ามีความเสี่ยงเจ็บป่วยด้วยไวรัสตับอักเสบไม่ว่าจะเป็นชนิดไหน ควรรีบเข้ารับการรักษาเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจตามมา
ไวรัสตับอักเสบคือสาเหตุของโรคตับอักเสบ แล้วตับอักเสบมีกี่ชนิด
ตับเป็นอวัยวะสำคัญที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในร่างกาย มีหน้าที่สำคัญหลายอย่าง ไม่ว่าจะทำให้สภาพร่างกายมีความสมดุล ช่วยในการขับสารพิษที่ไม่ดีออกจากเลือด หรือเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้ร่างกายเพื่อกำจัดเชื้อโรคออกจากเลือดได้ ดังนั้นหากตับเกิดการอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบแต่ละชนิด ย่อมทำให้ระบบการทำงานของร่างกายมีความผิดปกติเช่นกัน ซึ่งตับอักเสบก็มีการแบ่งชนิดตามสาเหตุของหลักของการอักเสบ เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ ผลจากยาบางชนิด รวมถึงการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ โดยประเภทของตับอักเสบมีดังนี้
ตับอักเสบภาวะเฉียบพลัน
ตับอักเสบเฉียบพลันคือ ภาวะที่เกิดการอักเสบอย่างรวด โดยอาจมีการแสดงอาการต่าง ๆ ออกมาในระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งผู้ที่เป็นภาวะตับอักเสบเฉียบพลันส่วนมากมักพบหรือแสดงอาการหลังจากติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเพียงไม่กี่สัปดาห์ และสามารถหายได้เองในระยะเวลา 6 เดือน
ตับอักเสบภาวะเรื้อรัง
ตับอักเสบภาวะเรื้อรังเป็นภาวะต่อเนื่องจากภาวะเฉียบพลันเนื่องจากไม่สามารถหายได้เองภายในระยะเวลา 6 เดือน จึงเกิดการติดเชื้อต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน ซึ่งไวรัสตับอักเสบคือสาเหตุหลัก ๆ ของการเกิดภาวะนี้ โดยเฉพาะชนิดบีและซี แต่ก็อาจมีสาเหตุอื่น ๆ ร่วมด้วยเช่นกัน เช่น การดื่ม
แอลกอฮอล์ ยาบางชนิด
ทำความรู้จักไวรัสตับอักเสบคือชนิดใดบ้าง? และมีลักษณะอย่างไร?
หากถามว่าไวรัสตับอักเสบมีกี่ชนิด? สามารถตอบได้ว่าไวรัสตับอักเสบเป็นเชื้อไวรัสตัวร้ายที่มีการแตกย่อยและสามารถพบได้หลายชนิดด้วยกัน แต่จะพบผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีและซีได้มากที่สุดในไทย เป็นไวรัสเจ้าปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างร้ายแรง และนำไปสู่การเกิดโรคที่ไม่มีใครอยากเป็น ไม่ว่าจะตับอักเสบเฉียบพลัน ตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง หรือมะเร็งตับ โดยไวรัสตับอักเสบแต่ละชนิดอาจมีลักษณะอาการคล้ายกันหรือต่างกันตามชนิด ในบทความนี้จะพาไปทำความรู้จักว่าไวรัสตับอักเสบคือชนิดใดบ้าง? และแต่ละชนิดมีลักษณะอย่างไร? เพื่อสามารถแยกอาการและเข้ารับการรักษาได้อย่างเหมาะสม
ไวรัสตับอักเสบชนิด A
ไวรัสตับอักเสบ A เป็นไวรัสที่สามารถพบได้บ่อยและเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ตับเกิดการอักเสบเฉียบพลัน เป็นชนิดที่สามารถติดเชื้อได้ผ่านทางอาหารหรือน้ำดื่มต่าง ๆ ที่มีการปนเปื้อนของเชื้อ หรือสถานที่ที่ไม่สะอาด ไร้สุขอนามัยที่ดี โดยจะแสดงอาการในรูปแบบของไข้ อาการอ่อนเพลีย อาเจียนร่วมกับเบื่ออาหาร และอาการตัวเหลืองตาเหลือง
ไวรัสตับอักเสบชนิด B
ไวรัสตับอักเสบ B อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ตับอักเสบ นำไปสู่ปัญหาสุขภาพต่าง ๆ สามารถติดเชื้อได้ผ่านการสัมผัสเลือดหรือของเหลวในร่างกายของผู้ติดเชื้อ ไม่ว่าจะจากการมีเพศสัมพันธ์ จากแม่สู่ลูกขณะคลอด โดยอาจมีอาการคล้ายไข้หวัด อ่อนเพลีย ตัวเหลือง ในภาวะเฉียบพลัน หรืออาจไม่มีการแสดงอาการเลย แต่อาจนำไปสู่ภาวะตับแข็ง มะเร็งตับได้จากการติดเชื้อเรื้อรังเป็นเวลานาน
ไวรัสตับอักเสบชนิด C
แน่นอนว่าไวรัสตับอักเสบ C คืออีกไวรัสที่พบผู้ติดเชื้อจำนวนมากไม่ต่างจากชนิดอื่น ๆ และยังเป็นไวรัสที่นำไปสู่ภาวะตับอักเสบเช่นกัน โดยมีการแพร่กระจายผ่านเลือด เช่น การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การรับเลือดจากผู้อื่นเข้าสู่ร่างกายโดยไม่ได้ตรวจสอบ หรือการมีเพศสัมพันธ์ที่ไร้การป้องกันอย่างถูกต้อง โดยอาการเฉียบพลันที่อาจเกิดขึ้นได้กับผู้ติดเชื้อชนิดนี้คือ อาการอ่อนเพลีย อาเจียน ตัวเหลืองตาเหลือง และหากมีการติดเชื้อแบบเรื้อรังอาจพัฒนาไปสู่การเป็นตับแข็งหรือมะเร็งตับได้
ไวรัสตับอักเสบชนิด D
ไวรัสตับอักเสบ D เป็นชนิดที่มีอัตราความเสี่ยงสูงแก่ผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิด B เนื่องจากไวรัสตับอักเสบ D มีความเกี่ยวโยงกับไวรัสตับอักเสบ B ด้านโครงสร้าง การพึ่งพาโปรตีน การเจริญเติบโต และการแพร่กระจาย ดังนั้นในการที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ D ได้ จำเป็นต้องมีเชื้อไวรัสตับอักเสบ B ภายในร่างกายอยู่ก่อน โดยมีการติดเชื้อผ่านทางเลือด ซึ่งมีอาจมีอาการที่นำไปสู่ภาวะตับอักเสบเฉียบพลันหรือภาวะตับอักเสบเรื้อรังได้เช่นเดียวกับไวรัสตับอักเสบแต่ละชนิด
ไวรัสตับอักเสบชนิด E
ไวรัสตับอักเสบ E ส่วนใหญ่ผู้ติดเชื้อจะได้รับการติดเชื้อจากสุขอนามัยที่ไม่สะอาด เช่น การรับประทานอาหารที่ไม่ได้ปรุงสุก การน้ำดื่มที่มีการปนเปื้อนของเชื้อ โดยอาการส่วนใหญ่ที่แสดงออกมาจะคล้ายคลึงกับการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบแต่ละชนิดอื่น ๆ คือ อาการอ่อนเพลีย ตัวเหลือง หรือตาเหลือง
ไวรัสตับอักเสบบีและซีเป็นตัวการสำคัญของมะเร็งตับและตับอักเสบ
หลังจากทราบแล้วว่าไวรัสตับอักเสบมีกี่ชนิด เห็นได้ชัดเจนว่าชนิดบีและซีเป็นไวรัสตับอักเสบที่ตรวจพบมากที่สุดในประเทศไทย ซึ่งไวรัสตับอักเสบแต่ละชนิดมีอาการที่คล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะชนิดบีและซีที่มีความเกี่ยวข้องและเป็นสาเหตุหลักโรคตับอักเสบเรื้อรัง จนอาจนำไปสู่การพัฒนาเป็นตับแข็งหรือมะเร็งตับ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสถูกพัฒนาจนต้องมีการตั้งคำถามว่ามะเร็งตับมีกี่ระยะ ผู้ป่วยที่ตรวจพบการติดเชื้อหรือมีความเสี่ยงติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีและซีจึงควรรีบเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่การกระจายเชื้อหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายรุนแรงแก่ชีวิต
อาการของตับอักเสบจากผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบคืออะไร?
ตับอักเสบเป็นภาวะที่เกิดได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน ซึ่งไวรัสตับอักเสบคือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เกิดตับอักเสบ โดยอาจมีอาการแตกต่างกันไปตามปริมาณของเชื้อที่มีอยู่ในร่างกาย ซึ่งอาการที่พบได้มาก เช่น อาการดีซ่าน
ตัวเหลืองตาเหลือง อาการอ่อนเพลียไม่มีเรี่ยวแรง อาการปวดท้องช่วงชายโครงบริเวณตับ อาการเบื่ออาหาร และอาการคลื่นไส้อาเจียน หากมีอาการมาก ๆ หรือปล่อยไว้เป็นเวลานาน ท้ายที่สุดอาจกลายไปเป็นภาวะตับแข็งและมะเร็งตับ การตรวจวินิจฉัยและรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงมีความสำคัญ
ไวรัสตับอักเสบคือสิ่งทำให้เกิดตับอักเสบ แล้วมีการตรวจอย่างไร?
ตับอักเสบสามารถตรวจพบได้แม้ไม่แสดงอาการ ซึ่งอาจตรวจพบจากการตรวจสุขภาพประจำปี หรือจากการระมัดระวังตัวเองเนื่องจากไปสถานที่และทำกิจกรรมที่มีความสุ่มเสี่ยงในการติดเชื้อสูง โดยการตรวจวินิจฉัยผ่านแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งมีขั้นตอนการวินิจฉัยหลายวิธี ดังนี้
- เริ่มต้นด้วยแพทย์จะซักถามประวัติการเจ็บป่วยเพื่อประเมินความสุ่มเสี่ยง
- การตรวจค่าการทำงานของตับผ่านเลือด เช่น ค่า ALT, AST, ALP , Bilirubin ที่มีความผิดปกติ
- การตรวจหาเชื้อไวรัส เพื่อเป็นการยืนยันการติดเชื้อ
- การตรวจด้วย Fibroscan เพื่อตรวจไขมันรวมถึงพังผืดที่เกิดขึ้นในตับ
รู้วิธีการรักษาตับอักเสบ หาทางออกเพื่อสุขภาพที่ดีให้ตับของคุณ
เมื่อทราบแล้วว่าไวรัสตับอักเสบคือชนิดใดบ้าง? รวมถึงลักษณะอาการ การแพร่เชื้อ และการตรวจคัดกรอง
เบื้องต้นแล้ว ในส่วนนี้จะพาไปดูวิธีการรักษาตับอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบแต่ละชนิด เพื่อให้ผู้ป่วย
ได้รักษาอย่างมีประสิทธิภาพและดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม จะได้ลดโอกาสเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ชักนำ
โรคร้ายสู่สุขภาพ โดยมีการแบ่งวิธีการรักษาออกเป็นหลายแนวทางตามสาเหตุ ดังนี้
- รักษาจากสาเหตุการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบแต่ละชนิด โดยแพทย์จะทำการประเมินอาการ และอาจรักษาด้วยการรับยา หรือทำตามคำปฏิบัติของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- รักษาจากสาเหตุที่มาจากการดื่มแอลกอฮอล์ โดยการงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการ เช่น ยาลดการอักเสบของตับ
- รักษาจากสาเหตุการใช้ยาและการได้รับสารพิษ โดยการหยุดใช้ยาดังกล่าวที่เป็นผลให้เกิดตับอักเสบ
- รักษาจากสาเหตุภาวะไขมันพอกตับ โดยการรับการวินิจฉัยและรับยาจากแพทย์ ควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต การรับประทานอาหาร
ไวรัสตับอักเสบคือสาเหตุของตับอักเสบที่ต้องมีการดูแลและป้องกัน
การดูแลและป้องกันตัวเองจากไวรัสตับอักเสบคือสิ่งสำคัญที่ควรรู้ เพื่อไม่ให้เกิดการลุกลามและกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว โดยสามารถเริ่มทำด้วยตัวเองง่าย ๆ จากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ถูกสุขอนามัย เพื่อลดการติดเชื้อ รวมถึงเลี่ยงการทานอาหารเสริมที่ไม่จำเป็นและงดการดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำเพื่อเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น การเปลี่ยนคู่นอนบ่อยครั้ง การใช้สารเสพติด การเจาะหรือสักลงบนผิวหนัง
เพียงเท่านี้ก็สามารถป้องกันและลดความเสี่ยงไวรัสตับอักเสบแต่ละชนิดได้แล้ว
ไวรัสตับอักเสบคือภัยร้ายที่สามารถพบได้หากไม่รู้สาเหตุและวิธีการป้องกันที่ดี เป็นเชื้อไวรัสที่ติดแล้วมีผล
กระทบต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก ร้ายแรงถึงขนาดสามารถพัฒนาสู่มะเร็งตับและคร่าชีวิตผู้ป่วยไปหลายราย
ดังนั้นเชื่อว่าข้อมูลที่นำเอาฝากในวันนี้จะทำให้หลายคนทราบว่าไวรัสตับอักเสบเกิดจากอะไร? ไวรัสตับอักเสบมีกี่ชนิด ตลอดถึงไวรัสตับอักเสบแต่ละชนิดมีลักษณะอาการ การแพร่กระจายเชื้อ หรือมีวิธีการรักษาและป้องกันอย่างไร? เพื่อไม่ให้เกิดการพัฒนาไปเป็นตับอักเสบ ไม่ว่าตับอักเสบมีกี่ชนิดก็สามารถเตรียมรับมือ ป้องกัน
และรักษาได้อย่างทันการ ไร้ความกังวลเรื่องปัญหาสุขภาพที่ตามมา
