ดูแลตัวเองและมองโลกตามความเป็นจริง ตำราหลายสำนักมักกล่าวว่า การมองโลกในแง่ดี คือเคล็ดลับสู่ชีวิตที่มีความสุขและประสบความสำเร็จ ในขณะที่การมองโลกในแง่ร้าย คือขั้วตรงข้ามที่ทำให้เราเครียดกังวลจนอาจนำไปสู่เรื่องแย่ๆ ตามมา
ตัวอย่างที่ถูกหยิบยกขึ้นมาบ่อยครั้งก็คือ น้ำที่มีอยู่ครึ่งแก้ว คนมองโลกในแง่ดีจะบอกว่า “มีน้ำตั้งครึ่งแก้วแน่ะ!” ส่วนคนมองโลกในแง่ร้ายมักบอกว่า “เหลือน้ำแค่ครึ่งแก้วเอง!” ในสถานการณ์เช่นนี้การเป็นคนมองโลกในแง่ดีย่อมดีกว่า เพราะในขณะที่มีน้ำอยู่เท่ากัน ความคิดเชิงให้กำลังใจย่อมดีกว่าความคิดที่ลดทอนกำลังใจ
แต่ในชีวิตจริง สถานการณ์ไม่ง่ายเช่นนั้นเสมอไป การมองโลกในแง่ดีอาจกลายเป็นปัญหาได้ และบางทีอาจได้ผลลัพธ์ที่แย่กว่าคนมองโลกแง่ร้ายเสียอีก ในขณะที่การ ‘มองโลกตามความเป็นจริง’ กลับเป็นวิธีคิดที่นักวิจัยหลายคนยอมรับว่าอาจจะทำให้ชีวิตของเรามีความสุขและประสบความสำเร็จมากกว่า
ชีวิตดี by hhc thailand ชวนมาดูกันว่า…การมองโลกในแง่ดีนั้นกลายเป็นปัญหาได้อย่างไร และทำไมการมองโลกตามความเป็นจริงนั้นดีต่อชีวิตมากกว่า
ปัญหาของการมองโลกในแง่ดี
การมองโลกในแง่ดีอาจกลายเป็นปัญหา ถ้ามาพร้อมสิ่งต่อไปนี้
- หลอกตัวเอง บางครั้งเส้นกั้นระหว่างการมองโลกในแง่ดีกับการหลอกตัวเองก็อาจเลือนราง จนการคิดแง่ดีกลายเป็นการหลอกตัวเองไปได้ เช่นการสร้างความคาดหวังที่เกินขอบเขตความสามารถของเรา แน่นอนว่าชีวิตคนเราต้องมีความหวัง แต่ถ้าหวังมากเกินไปไม่สัมพันธ์กับความเป็นจริง เวลาผิดหวังก็อาจเจ็บหนัก
- มองแต่แง่ดี ไม่มองปัญหา การมองเห็นแต่ด้านดี ด้านสวยงาม อาจทำให้เราละเลยข้อเสียหรือปัญหาที่ควรนำมาประกอบการตัดสินใจ หรือควรได้รับการแก้ไข ซึ่งสุดท้ายแล้วปัญหานั้นก็ไม่ได้หายไปไหน แค่รอวันระเบิดตัวเองออกมา ในกรณีเช่นนี้การมองโลกในแง่ร้ายอาจดีกว่า เพราะการคาดการณ์ถึงสถานการณ์เลวร้ายไว้ก่อน (worst case scenario) ทำให้มีแนวโน้มจะเตรียมวิธีรับมือได้ทัน
- กดดันตัวเองมากไป ในยุคนี้ ไม่ว่าจะหนังสือเบสต์เซลเลอร์ ไลฟ์โคช อินฟลูเอ็นเซอร์ กูรูด้านสุขภาพ หรืออาจจะเป็นคุณป้าข้างบ้าน ต่างก็บอกให้เรามองโลกในแง่ดีเข้าไว้ ซึ่งแม้ว่าการมองโลกในแง่ดีนั้นมีข้อดีอยู่จริงๆ (ใจสบาย กายก็แข็งแรง) แต่อย่าลืมว่าปัญหาหลายอย่างไม่สามารถแก้ได้ง่ายเพียงแค่เรามองโลกในแง่ดี และการกดดันตัวเองให้มองโลกในแง่ดีเข้าไว้ก็อาจกลายเป็นความรู้สึกผิดเมื่อทำไม่ได้ และกลายเป็นความเครียดกังวลไปอีกแบบ
มองโลกในแง่ดี – มองโลกในแง่ร้าย – มองโลกตามความเป็นจริง
เชื่อหรือไม่ว่า คนมองโลกในแง่ดีมากเกินไปกับคนมองโลกในแง่ร้าย มีวิธีคิดแบบเดียวกันนั่นคือ การสร้างเรื่องราวในหัวว่าอาจมีสิ่งที่ดีหรือร้ายเกิดขึ้น ซึ่งล้วนเป็นวิธีคิดที่ไม่อยู่บนหลักความจริง
ทีมนักวิจัยจาก London School of Economics และมหาวิทยาลัย Bath ในประเทศอังกฤษได้ทำการวิจัยที่ใช้เวลาเก็บข้อมูลถึง 18 ปี กับกลุ่มตัวอย่างชาวอังกฤษจำนวน 1,601 คน พบข้อมูลที่น่าสนใจว่า ในบรรดากลุ่มตัวอย่างทั้งหมด คนที่เชื่อในการมองโลกตามความเป็นจริงเป็นกลุ่มที่ได้คะแนนสุขภาพจิตดีมากที่สุด ในขณะที่คนที่มีความคาดหวังในชีวิตสูง (คนมองโลกในแง่ดี) และคนที่มีความคาดหวังในชีวิตต่ำ (คนมองโลกในแง่ร้าย) ผลออกมาว่ามีระดับปัญหาสุขภาพจิตสูงกว่า
นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่า คนมองโลกในแง่ดีแต่มีความทุกข์อาจเป็นเพราะเจอกับความผิดหวังจากสิ่งที่ตนคาดหวังมากเกินไป ส่วนคนมองโลกในแง่ร้าย แม้จะไม่ค่อยคาดหวัง เพราะกลัวความผิดหวัง แต่ก็ทุกข์เพราะความเคร่งเครียด ขี้กังวลนั่นเอง ส่วนคนที่มองโลกตามความจริงมีสุขภาพจิตดี เพราะการไม่กังวลทุกข์ใจไปล่วงหน้า แต่รับมือและแก้ปัญหาตามความเป็นจริง ทำให้ปรับตัวรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีกว่า และมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่า
ฝึกมองโลกตามความเป็นจริง
- อยู่กับปัจจุบัน ไม่กังวลหรือทุกข์ใจไปล่วงหน้า (และย้อนหลัง) อนาคตยังมาไม่ถึง และอดีตก็ผ่านไปแล้ว เอาพลังมาโฟกัสเฉพาะสิ่งที่สำคัญในปัจจุบัน ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป
- ตั้งเป้าหมายที่ทำได้จริง อย่าทำอะไรที่เยอะและยากเกินไป แม้ความท้าทายจะกระตุ้นให้เราเก่งขึ้นได้ แต่อย่าลืมว่าเป้าหมายที่ดีที่สุดคือ เป้าหมายที่ทำได้จริง
- ฝึกคิดถึงผลลัพธ์ เพื่อยอมรับความจริง ในแต่ละวันให้เราฝึกคิดผลลัพธ์ของทุกการกระทำของเรา เช่น ถ้าเราเลือกที่จะไม่ไปออกกำลังกาย แปลว่าเราเลือกที่จะอยู่กับสภาพร่างกายแบบนี้ หรือถ้าไม่หางานใหม่ แปลว่าเราเลือกจะอยู่กับงานปัจจุบันที่เราไม่ชอบต่อไป หรือถ้าเราไม่ทำความสะอาดบ้านตอนนี้ แปลว่าเราโอเคกับกับความรกสกปรกแบบนี้ การคิดแบบเป็นเหตุเป็นผลกันเช่นนี้ จะฝึกให้เราเคยชินกับการใช้เหตุผล และยอมรับสิ่งต่างๆ อย่างเข้าใจ
ในชีวิตจริง เราทุกคนต่างก็มีทั้งมุมมองในแง่ดีและแง่ร้ายปะปนกันไปในแต่ละวันเป็นธรรมดา แต่เมื่อไหร่ที่เราเริ่มเอนเอียงไปทางใดทางหนึ่งมากไป จนเกิดความทุกข์ใจหรือเกิดปัญหาขึ้นมา อย่าลืมปรับวิธีคิดมามองโลกตามความเป็นจริง เพื่อหาวิธีแก้ปัญหาอย่างเข้าใจ และรับมือกับทั้งเรื่องดีและร้ายให้ได้อย่างมีสติ
แหล่งข้อมูล:
www.webmd.com
www.health.harvard.edu
www.verywellmind.com
digest.bps.org.uk