เครื่องประทินผิว (Skincare) ทุกวันนี้ มีส่วนผสมแปลกๆ ออกมาให้สาวๆ เลือกกันเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ป่าจากเทือกเขาแอลป์ เห็ดสายพันธุ์จีน ไปจนถึงปลาทะเลน้ำลึก จนบางครั้งเราก็ลืมไปว่า จริงๆ แล้วหนึ่งในสูตรที่ดีที่สุดในการดูแลผิวของเราก็คือ วิตามินซี (Vitamin C) ง่ายๆ แค่นี้เอง
ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังหลายท่านยืนยันว่า ถ้าจัดอันดับส่วนผสมของสกินแคร์ที่ดีที่สุดสำหรับผิว แน่นอนว่าต้องมีวิตามินซีอยู่ในอันดับต้นๆ “วิตามินซีดีต่อผิวทุกประเภทและทุกช่วงอายุ” Dr. Anne Chapas แพทย์ผิวหนังจากนิวยอร์กและผู้ก่อตั้ง UnionDerm ศูนย์รักษาและดูแลผิวชื่อดัง ให้ความเห็นไว้อย่างนั้น แต่ว่าเพราะอะไรวิตามินซีถึงมีประโยชน์ต่อผิว และเราควรใช้ประโยชน์จากวิตามินซีอย่างไรผิวจึงจะสวยใสอย่างที่ฝัน คำตอบอยู่ด้านล่าง
Vitamin C ของขวัญมหัศจรรย์สำหรับผิว
วิตามินซี หรือ กรดแอสคอบิค (Ascorbic Acid) เป็นวิตามินที่ร่างกายของเราไม่สามารถผลิตขึ้นเองได้ เราจึงจำเป็นต้องรับประทานเข้าไป ไม่ว่าจะจากผลไม้ตระกูลส้ม (Citrus Fruits) และอาหารเสริม วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิว ทำให้ผิวสุขภาพดี ลดการเกิดรอยเหี่ยวย่น รวมทั้งช่วยลดความเสียหายจากรังสียูวีที่เกิดกับผิว นอกจากนั้น วิตามินซียังช่วยลดการเกิดเม็ดสีเมลานิน ทำให้จุดด่างดำบนใบหน้าดูลดเลือน สีผิวเรียบสม่ำเสมอและกระจ่างใส
แต่เดี๋ยวก่อน!:
ใช่ว่าคุณจะสามารถใช้วิตามินซีแทนครีมกันแดดได้นะ คุณยังต้องใช้ครีมทากันแดดอยู่ดีเพื่อช่วยยับยั้งไม่ให้รังสียูวีเข้ามาทำลายผิว (และปกป้องตัวเองจากมะเร็งผิวหนัง) ในกรณีที่คุณใช้ครีมกันแดดแล้ว แต่ยังมีรังสียูวีหลุดรอดเข้าไปยังชั้นผิวของคุณ วิตามินซีจะช่วยลดความเสียหายที่เกิดขึ้นได้
อาหารผิว กินหรือทา?
มีผักผลไม้หลายชนิดที่เรารู้จักกันดีว่ามีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม ฝรั่ง สตอเบอรี่ ลิ้นจี่ มะเขือเทศ กีวี บร็อกโคลี่ คะน้า ฯลฯ นอกจากนั้นก็ยังมีผักสมุนไพรบ้านๆ ของไทยที่เราไม่ค่อยคุ้นเคย แต่อุดมไปด้วยวิตามินซีสูงปรี๊ด เช่น มะรุม มะระขี้นก มะขามป้อม รากบัว กระเจี๊ยบเขียว ฯลฯ
แต่…รู้ไหมว่า ไม่ว่าคุณจะรับประทานวิตามินซีเข้าไปมากขนาดไหน หากว่ากันที่ประโยชน์ต่อผิวโดยตรงแล้ว การ “ทา” สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซีลงไปบนบริเวณเฉพาะจุดจะมีประโยชน์ต่อผิวมากกว่าการกินถึง 20 เท่า!
เซรั่ม…คำตอบสุดท้าย
Dr.Chapas กล่าวว่า ประเภทของสกินแคร์ที่จะทำให้ผิวได้รับการบำรุงจากวิตามินซีสูงสุดคือ เซรั่ม เพราะเซรั่มสามารถซึมซาบลงสู่ผิวได้ดีกว่ามอยซ์เจอไรเซอร์หรือว่าโทนเนอร์ โดยคุณควรเลือกเซรั่มที่มีวิตามินซีเป็นส่วนผสมในปริมาณ 10-20% เพราะต่ำกว่า 10% ก็จะน้อยเกินกว่าจะเกิดประโยชน์ หรือมากกว่า 20% ก็อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้
อีกเรื่องหนึ่งที่คุณต้องรู้ไว้ก่อนจะใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของวิตามินซีคือ วิตามินซีมีฤทธิ์เป็นกรด คุณจึงควรลองแตะเซรั่มในปริมาณน้อยๆ ทาลงบนบางส่วนของใบหน้าเพื่อทดสอบอาการระคายเคืองเสียก่อน หากในครั้งแรกผิวคุณเป็นสีแดงเล็กน้อย ไม่ต้องตกใจเพราะนั่นเป็นอาการปกติ หลังจากใช้เซรั่มตัวนั้นไปนานเข้า อาการดังกล่าวจะค่อยๆ หายไป
สุดท้าย คุณต้องใจเย็น อดทนรอให้ผิวค่อยๆ เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะวิตามินซีต้องการเวลาในการทำงานกับผิวมากกว่าสกินแคร์ทั่วไป ในประเด็นนี้ Dr.Patricia Wexler แพทย์ศัลยกรรมผิวหนังชื่อดังอีกคนจาก Wexler Dermatology กล่าวว่า เราจะไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรมากนักจนกระทั่งผ่านไป 6-8 สัปดาห์
ใช้ Vitamin C ให้ถูกวิธี
ยังมีข้อควรระวังบางอย่างที่คุณต้องรู้ไว้ก่อนจะใช้สกินแคร์ที่มีวิตามินซี หนึ่ง-หากคุณต้องการใช้ทั้งเซรั่มวิตามินซี และสกินแคร์อื่นที่มีส่วนผสมของเรตินอล (Retinol) คุณควรจะสลับใช้อย่างแรกในวันหนึ่งและอย่างที่สองในอีกวันหนึ่ง คุณไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งสองอย่างทาลงไปบนผิวพร้อมกัน เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้
เคล็ดลับอีกอย่างคือการเก็บรักษา สกินแคร์ที่มีวิตามินซีควรถูกจัดเก็บให้ห่างจากแสงและอากาศ ยิ่งถ้าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นบรรจุอยู่ในขวดสีชายิ่งดี หลังจากเปิดใช้ อย่าลืมปิดฝาให้แน่นทุกครั้งและเก็บไว้ในที่แห้งจะช่วยคงประสิทธิภาพของวิตามินซีได้นาน
เอาล่ะ…เชื่อว่าตอนนี้สาวๆ หลายคนเริ่มกดเสิร์ชเตรียมช้อปเซรั่มวิตามินซีกันแล้ว อย่างไรก็ดี เมื่อป้อนวิตามินซีสู่ผิวแล้ว อย่าลืมป้อนวิตามินซีให้ร่างกายด้วย เพราะถึงการรับประทานผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงจะไม่มีประสิทธิภาพบำรุงผิวเท่าสกินแคร์ก็ตาม แต่การรับประทานวิตามินซีก็มีประโยชน์มหาศาล โดยเฉพาะการกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันร่างกายทำให้คุณไม่ป่วยเป็นไข้หวัดบ่อยๆ รวมทั้งป้องกันโรคอื่นๆ เช่น โรคภูมิแพ้ โรคจากการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย เป็นต้น
–
แปลและเรียบเรียงจาก:
us.cnn.com
webmd.com
ข้อมูลเพิ่มเติม:
www.facebook.com/HakubiThailand/