ปลายประสาทอักเสบ อาการชาที่อาจกลายเป็นภัยทำลายคุณภาพชีวิตคุณ
คุณเคยมีอาการชาที่มือและเท้าหรือไม่? อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคปลายประสาทอักเสบได้
โดยโรคนี้มักพบในผู้สูงวัย แต่ปัจจุบันอาการปลายประสาทอักเสบก็พบมากขึ้นในวัยทำงานเช่นกัน เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตและปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งโรคปลายประสาทอักเสบนั้นเป็นหนึ่งในโรคที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วย การเข้าใจปลายประสาทอักเสบอาการต่าง ๆ และสาเหตุของโรคจึงเป็นสิ่งสำคัญ บทความนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับอาการชาปลายประสาท เพื่อให้คุณสามารถป้องกันตัวเองและดูแลสุขภาพได้อย่างมีความสุข
พาทำความรู้จักโรคปลายประสาทอักเสบ ภัยเงียบที่คุณไม่ควรมองข้าม
โรคปลายประสาทอักเสบ (Peripheral neuropathy) คือภาวะที่เกิดจากการเสียหายหรือการอักเสบของระบบประสาทส่วนปลาย ซึ่งเป็นส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างสมองและไขสันหลังกับส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ความเสียหายของเส้นประสาทในส่วนนี้อาจทำให้เกิดอาการผิดปกติ เช่น ชา ปวด หรือรู้สึกเจ็บแปลบ โดยสาเหตุของโรคนี้มีหลายปัจจัยด้วยกัน และมักพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาการปลายประสาทอักเสบอาจรุนแรงขึ้นและนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้
รวมสัญญาณเตือนอาการของโรคปลายประสาทอักเสบ รู้ไว้ก่อนสายเกินไป
โรคปลายประสาทอักเสบ (Peripheral Neuropathy) เป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ รวมถึงวัยทำงานก็สามารถเป็นได้เช่นกัน โดยคุณสามารถสังเกตอาการได้จากความผิดปกติที่บริเวณปลายมือและปลายเท้า ซึ่งอาการเหล่านี้หากไม่ได้รับการรักษาอาจทวีความรุนแรงและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ การรู้เท่าทันสัญญาณเตือนของปลายประสาทอักเสบจะช่วยให้คุณสามารถดูแลตัวเองและคนรอบข้างได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ดังนั้นในส่วนนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับอาการต่าง ๆ ของปลายประสาทอักเสบที่ควรระวัง
- ชามือ ชาเท้า หรืออาการเหน็บชา: มีอาการชาแปลบ ๆ ที่ปลายมือและปลายเท้า ซึ่งอาการนี้อาจลุกลาม
ไปยังต้นขาหรือต้นแขนได้ - ปวดแสบปวดร้อน: มีอาการปวดแสบปวดร้อน เมื่อมีการสัมผัสที่ผิวหนัง ซึ่งในผู้ป่วยบางรายอาจรู้สึก
ปวดมาก - รู้สึกเหมือนสวมถุงมือหรือถุงเท้า: ผู้ที่มีอาการปลายประสาทอักเสบจะรู้สึกเหมือนมีความหนา หรือรู้สึกชา ๆ ที่ปลายมือปลายเท้า ราวกับสวมถุงมือและถุงเท้าตลอดเวลา
- ไวต่อการสัมผัส: อาการปลายประสาทอักเสบอาจทำให้เส้นประสาทมีสัมผัสการทำงานที่ผิดปกติ ส่งผลให้รู้สึกเจ็บหรือปวดแสบปวดร้อนได้ง่าย
- เจ็บปวดในกิจกรรมที่ไม่น่าปวด: ผู้ป่วยอาจรู้สึกปวดเท้าขณะเดิน หรือรู้สึกปวดแสบปวดร้อนเมื่อมีผ้ามาทับบริเวณเท้าหรือมือ
- หกล้มง่าย: อาการปลายประสาทอักเสบทำให้การควบคุมการทรงตัวผิดปกติ ส่งผลให้เกิดอาการเดินเซ ทรงตัวได้ลำบาก หรือเกิดการหกล้มได้ง่าย
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง: ผู้ที่มีอาการปลายประสาทอักเสบอาจส่งผลเกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่สามารถหยิบจับสิ่งของ ลุกจากเก้าอี้ หรือเดินขึ้นบันไดได้
- อัมพาต: เมื่อเป็นโรคปลายประสาทอักเสบ เส้นประสาทที่ทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้ออาจทำงานผิดปกติหรือเกิดปัญหา ส่งผลให้เกิดอาการอัมพาต
- เหงื่อออกมากหรือน้อยผิดปกติ: ผู้ที่มีอาการปลายประสาทอักเสบจะมีเหงื่อออกมากหรือน้อยผิดปกติ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสมดุลของร่างกาย และเสี่ยงอันตรายต่อชีวิต
- มีปัญหาในการขับถ่ายและย่อยอาหาร:ผู้ที่มีอาการปลายประสาทอักเสบมักมีปัญหาในการปัสสาวะไม่ออก ท้องอืด หรือมีการขับถ่ายไม่สุด
- หน้ามืด เวียนหัว: โรคปลายประสาทอักเสบจะทำให้ความดันโลหิตทำงานผิดปกติและต่ำลง ส่งผลให้เกิดอาการเวียนหัว หรือหน้ามืด
เข้าใจ 3 กลุ่มสาเหตุที่มีผลต่อการเกิดอาการโรคปลายประสาทอักเสบ
โรคปลายประสาทอักเสบเป็นภาวะที่เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาทส่วนปลาย ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การอักเสบ การขาดวิตามิน การติดเชื้อ หรือปัญหาด้านสุขภาพอื่น ๆ สาเหตุเหล่านี้ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการชา อ่อนแรง และปวด ซึ่งอาจกระทบต่ออวัยวะและการทำงานของร่างกายในส่วน
อื่น ๆ การเข้าใจสาเหตุของปลายประสาทอักเสบจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถป้องกันหรือหลีกเลี่ยงอาการปลายประสาทอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยในส่วนนี้ขอแบ่งโรคปลายประสาทอักเสบออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ ตามสาเหตุ ดังนี้
กลุ่มที่ 1
โรคปลายประสาทอักเสบกลุ่มแรกเกิดจากการอักเสบที่ระบบประสาทส่วนปลาย ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ หรือในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ป่วยในกลุ่มนี้มักมีอาการอ่อนแรงและชา แต่ยังสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ หากอาการรุนแรงจนกระทบกล้ามเนื้อสำคัญ เช่น กล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการหายใจ อาจจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ นอกจากนี้ยังสามารถเกิดจากการอักเสบที่เกิดจากปฏิกิริยาภูมิแพ้ตัวเองของร่างกาย ซึ่งจะต้องใช้เวลาฟื้นตัวเป็นระยะเวลานาน
กลุ่มที่ 2
โรคปลายประสาทอักเสบกลุ่มที่ 2 คือกลุ่มที่เกิดจากภาวะขาดวิตามินหรือสารบางชนิดที่สำคัญต่อเส้นประสาท เช่น วิตามินบี 1 วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 วิตามินอี หรือไนอาซิน ซึ่งการขาดสารเหล่านี้สามารถทำให้เกิดอาการปลายประสาทอักเสบได้ เนื่องจากวิตามินและสารเหล่านี้มีความสำคัญมากในการดูแลและรักษาสุขภาพ รวมถึงการทำงานของระบบประสาท
กลุ่มที่ 3
โรคปลายประสาทอักเสบกลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มที่มีสาเหตุเกิดจากการได้รับสารพิษต่าง ๆ เช่น ตะกั่วหรือโลหะหนักเข้าสู่ร่างกาย สารพิษเหล่านี้สามารถทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบประสาทส่วนปลาย โดยเฉพาะในเส้นประสาทที่เกี่ยวข้องกับปลายมือและปลายเท้า เนื่องจากบริเวณนี้มีเส้นประสาทจำนวนมาก หากพบอาการผิดปกติที่ปลายมือปลายเท้า เช่น ชา หรืออ่อนแรง ควรรีบเข้ารับการรักษาโดยด่วน ก่อนที่อาการจะลุกลามและรักษาได้ยาก
นอกจากนี้โรคปลายประสาทอักเสบยังสามารถเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ได้ เช่น โรคเบาหวาน ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด พันธุกรรม เนื้องอกและมะเร็ง ความผิดปกติของไขกระดูก ภาวะการบาดเจ็บที่กดทับเส้นประสาท พิษสุราเรื้อรัง การใช้ยาบางชนิด หรือแม้กระทั่งโรคตับ โรคไต และโรคต่อมไทรอยด์
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจทำให้ใช้ชีวิตยากขึ้นของโรคปลายประสาทอักเสบ
ปลายประสาทอักเสบเป็นโรคที่เกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน และยังเป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อระบบประสาท ซึ่งทำให้ผู้ป่วยที่มีอาการปลายประสาทอักเสบรู้สึกไม่ดี มีอาการอ่อนแรง และดำเนินกิจวัตรประจำวันได้ยากลำบากมากขึ้น นอกจากนี้โรคปลายประสาทอักเสบยังอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการใช้ชีวิตในระยะยาว หากไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสม ดังนั้นเพื่อให้คุณมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น มาดูภาวะแทรกซ้อนจากอาการชาจากปลายประสาทอักเสบที่เรารวบรวมมาฝากไปพร้อม ๆ กันเลย
- เกิดบาดแผลบริเวณผิวหนัง: ผู้ป่วยปลายประสาทอักเสบจะมีอาการ ซึ่งอาจส่งผลให้ไม่รู้สึกเจ็บ ทำให้เกิดแผลที่รุนแรงได้โดยไม่รู้ตัว
- การติดเชื้อ: เนื่องด้วยเกิดความรู้สึกชาจากแม้จะมีบาดแผล ทำให้ผู้ป่วยปลายประสาทอักเสบอาจติดเชื้อได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวานที่เสี่ยงติดเชื้อได้ง่ายกว่าปกติ
- หกล้มได้ง่าย: ผู้ป่วยปลายประสาทอักเสบจะเสียสมดุลของร่างกายเนื่องจากมีภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงและสูญเสียความรู้สึก ทำให้การเคลื่อนไหวไม่มั่นคง และเสี่ยงต่อการหกล้ม
- การสูญเสียการเคลื่อนไหวของอวัยวะ: ผู้ป่วยปลายประสาทอักเสบบางรายอาจมีการสูญเสียการเคลื่อนไหวของแขน ขา หรือมือ ทำให้ไม่สามารถดำเนินกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
- ปัญหาจากการหายใจ: โรคปลายประสาทอักเสบอาจส่งผลกระทบต่อกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ในการหายใจ อาจส่งผลให้ผู้ป่วยหายใจลำบาก และต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
แนวทางการดูแลรักษาอาการปลายประสาทอักเสบเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี
อย่างที่ทราบกันว่าปลายประสาทอักเสบเป็นภาวะที่เกิดจากการอักเสบในระบบประสาทส่วนปลาย ซึ่งส่งผล
กระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยในหลายด้าน สาเหตุของโรคนี้สามารถเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย และการรักษาก็ขึ้นอยู่กับสาเหตุเหล่านั้น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้แนวทางที่เหมาะสมกับสาเหตุที่เกิดขึ้น เพื่อบรรเทาอาการและฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาเป็นปกติ โดยมีวิธีการรักษาดังนี้
- ใช้ยาบรรเทาปวด เช่น ยาลดการอักเสบ (NSAIDs) โดยจะใช้ในกรณีอาการไม่รุนแรง เพื่อลดการอักเสบและอาการปวด
- ใช้ยารักษาโรคที่มีส่วนประกอบของโอปิออยด์ (Opioid) โดยยากลุ่มนี้จะถูกสั่งโดยแพทย์เฉพาะในกรณีที่การรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ ไม่ได้ผลเท่านั้น
- ยาใช้เฉพาะที่ เช่น ยาทาหรือยาแปะ เพื่อลดอาการปวดที่เกิดจากการอักเสบในบริเวณที่ได้รับผลกระทบ
- ใช้ไฟฟ้ากระตุ้นเส้นประสาทผ่านทางผิวหนัง (TENS) เป็นการใช้ไฟฟ้ากระตุ้นเส้นประสาทเพื่อลดความเจ็บปวด
- การเปลี่ยนถ่ายน้ำเหลือง (Plasmapheresis) เป็นการนำ Antibody และโปรตีนที่ไม่ปกติออกจากเลือด และกรองเลือดใหม่แล้วกลับเข้าสู่ร่างกาย เพื่อบรรเทาอาการอักเสบ
- การให้อิมมูโนโกลบูลิน (IVIg) เป็นการให้โปรตีนในระดับสูงที่ทำหน้าที่เหมือน Antibody เพื่อยับยั้งการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในกรณีที่ผู้ป่วยมีปัญหาภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- การผ่าตัด ใช้ในกรณีที่การอักเสบเกิดจากการกดทับเส้นประสาท เช่น กรณีที่มีเนื้องอกหรือปัญหาจากการกดทับเส้นประสาทในบริเวณต่าง ๆ
- กายภาพบำบัด เป็นการช่วยพัฒนาการเคลื่อนไหวและความแข็งแรงของร่างกาย รวมถึงการใช้เครื่องช่วยพยุงต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินชีวิตประจำวัน
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนคงเข้าใจแล้วว่าโรคปลายประสาทอักเสบคืออะไร และปลายประสาทอักเสบอาการต่าง ๆ ที่ควรระวังมีอะไรบ้าง เนื่องจากโรคปลายประสาทอักเสบเป็นโรคที่พบได้บ่อยและส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้ป่วยอย่างมาก ทั้งการเกิดอาการชา อ่อนแรง และปวด ซึ่งสาเหตุของอาการปลายประสาทอักเสบเกิดได้จากหลายปัจจัยด้วยกัน ดังนั้นหวังว่าข้อมูลที่ได้นำมาฝากในวันนี้จะช่วยให้คุณสามารถบรรเทาอาการ ลดความเสี่ยงจากโรค ตลอดถึงช่วยให้คุณมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นในระยะยาว