สาเหตุของการนอนไม่หลับ ส่งผลเสียต่อร่างกายมากกว่าที่คิด

Health

สาเหตุของการนอนไม่หลับ หรือหลับไม่สนิทนั้น มักเกิดจากความเครียดและความวิตกกังวลเป็นหลัก แต่นอกจากสาเหตุการนอนไม่หลับที่เป็นสาเหตุหลัก ๆ แล้ว สาเหตุที่ทำให้นอนไม่หลับก็ยังมีอีกหลายสาเหตุและทุกสาเหตุล้วนส่งผลเสียต่อร่างกายของเราด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งหากไม่ได้รับการแก้ปัญหาอย่างตรงจุดละก็ สาเหตุของการนอนไม่หลับอาจส่งผลให้เกิดโรคนอนไม่หลับเรื้อรังได้

ถึงแม้ว่าการนอนไม่หลับเป็นครั้งคราวจะกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่อาการนอนไม่หลับเรื้อรังที่เกิดจากสาเหตุของการนอนไม่หลับที่ไม่ได้รับการแก้ไขอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพกาย สุขภาพจิต และคุณภาพชีวิตโดยรวม ดังนั้น การทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุของการนอนไม่หลับจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยให้สามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดนั่นเอง

สาเหตุของการนอนไม่หลับเกิดจากอะไร?

สาเหตุของการนอนไม่หลับเกิดขึ้นได้จากหลาย ๆ ปัจจัย ทั้งทางจิตใจและทางสรีรวิทยา ซึ่งความเครียดและความวิตกกังวลก็เป็นหนึ่งในสิ่งกระตุ้นทางจิตที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาการนอนไม่หลับเช่นกัน เมื่อเราต้องต่อสู้กับความเครียดหนัก ๆ หรือมีความวิตกกังวลจนเกินไป จิตใจของเราจะอยู่ในสภาวะที่ตื่นตัวสูงกว่าปกติ ทำให้ยากต่อการผ่อนคลายส่งผลทำให้หลับยาก หรือหลับไม่สนิทจนนำไปสู่การนอนไม่หลับได้ 

สำหรับใครที่อยากรู้ว่าสาเหตุการนอนไม่หลับสาเหตุอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากเรื่องของความเครียดและความวิตกกังวลนั้นมีอะไรบ้าง วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้นอนไม่หลับสาเหตุอื่น ๆ มาให้แล้วด้านล่างนี้ ซึ่งแต่ละสาเหตุจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้างนั้น? ตามไปอ่านพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า 

สาเหตุของการนอนไม่หลับที่เกิดจากนิสัยในการนอนหลับที่ไม่ดี

นิสัยการนอนหลับที่ไม่ดีต่อสุขภาพและสุขอนามัยในการนอนหลับที่ไม่ดี เช่น ตารางการนอนหลับที่ผิดปกติ การงีบหลับมากเกินไป หรือการใช้เวลาอยู่หน้าจอก่อนนอนมากเกินไป จะขัดขวางวงจรการนอนหลับได้ ที่สำคัญแสงสีฟ้าของหน้าจอสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต จะไประงับการผลิตเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมวงจรการนอนหลับและการตื่นอีกด้วย เรียกได้ว่านิสัยการนอนที่ไม่ดีเหล่านี้จะทำให้สมองสับสนว่าควรเริ่มการนอนหลับและตื่นเมื่อใด ทำให้ยากต่อการรักษาวงจรการนอนหลับให้คงที่

สาเหตุของการนอนไม่หลับที่เกิดจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากเกินไป

คาเฟอีนที่พบในกาแฟ ชา และน้ำอัดลมบางชนิดทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง เมื่อดื่มเข้าไปคาเฟอีนจะขัดขวางการทำงานของอะดีโนซีน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ทำหน้าที่ส่งเสริมการนอนหลับและการผ่อนคลาย คาเฟอีนไม่เพียงส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความตื่นตัวทางสรีรวิทยาอีกด้วย เพราะสามารถเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต และการผลิตฮอร์โมนความเครียด เช่น คอร์ติซอล ผลกระทบเหล่านี้อาจทำให้ร่างกายเปลี่ยนไปสู่สภาวะที่ทำให้นอนหลับได้ยาก

สาเหตุของการนอนไม่หลับที่เกิดจากการรับประทานมื้อหนักก่อนนอน

การรับประทานอาหารมื้อใหญ่ มื้อหนัก หรือเผ็ดเกินไปก่อนเวลานอน อาจทำให้ร่างกายรู้สึกไม่สบายและอาหารไม่ย่อยจึงทำให้นอนหลับได้ยาก ซึ่งในบางคนที่รับประทานอาหารมื้อดึกเสร็จแล้วนอนราบเลย ก็อาจจะเคยมีกรดและอาหารไหลย้อนขึ้นมาที่หลอดอาหารทำให้รู้สึกแสบร้อนกลางอกจนไม่สามารถนอนหลับได้  ทางที่ดีควรรับประทานอาหารให้เสร็จอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง ก่อนเข้านอนเพื่อให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างเหมาะสม

สาเหตุของการนอนไม่หลับที่เกิดจากปัญหาสภาพแวดล้อมที่ส่งผลต่อการนอน

สภาพแวดล้อมในการนอนที่ไม่สบาย หรือมีเสียงดัง เป็นสาเหตุของการนอนไม่หลับที่หลาย ๆ คนอาจพบเจอได้ ซึ่งปัจจัยต่าง ๆ ที่รบกวนการนอนหลับ ก็เช่น ที่นอนไม่สบาย แสงมากเกินไป เสียงดัง หรืออุณหภูมิห้องที่ไม่เหมาะสม ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัญหาสภาพแวดล้อมที่ขัดขวางความสามารถในการนอนหลับและอาจทำให้ต้องพบเจอกับอาการหลับ ๆ ตื่น ๆ ในกลางดึก

สาเหตุของการนอนไม่หลับที่เกิดจากเวลาในการทำงานที่ไม่ปกติ

สาเหตุของการนอนไม่หลับจากการทำงานก็เป็นอีกปัจจัยที่รบกวนการนอนหลับของคนในยุคนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งชั่วโมงการทำงานที่ไม่สม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำงานเป็นกะหรือการเดินทางข้ามโซนเวลาบ่อยครั้ง อาจรบกวนวงจรการนอนหลับ หรือนาฬิกาภายในร่างกาย ทำให้ยากต่อการกำหนดรูปแบบการนอนที่สอดคล้องกันได้

สาเหตุของการนอนไม่หลับที่เกิดจากโรคประจำตัวหรือป่วยเรื้อรัง

โรคประจำตัวและอาการป่วยเรื้อรังต่าง ๆ อาจทำให้นอนไม่หลับได้ เช่น โรคปวดเรื้อรังทั่วตัว (Fibromyalgia) อาจทำให้นอนหลับไม่สบาย หรือปัญหาระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด หรือโรคหลอดลมอักเสบจากภูมิแพ้ (Asthma)  อาจรบกวนการหายใจและส่งผลต่อการนอนหลับ รวมถึงโรคกรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease) อาจทำให้ร่างกายรู้สึกไม่สบายและแสบร้อนกลางอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนอนราบ ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ความไม่สมดุลของฮอร์โมนที่เกิดขึ้นในช่วงวัยหมดประจำเดือน ก็สามารถนำไปสู่การนอนไม่หลับได้เช่นเดียวกัน

สาเหตุของการนอนไม่หลับที่เกิดจากการใช้ยารักษาอาการบางชนิด

ยาบางชนิด รวมถึงยากระตุ้น ยาแก้ซึมเศร้า คอร์ติโคสเตียรอยด์ และยาลดความดันโลหิตบางชนิดก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้นอนไม่หลับได้ เนื่องจากผลข้างเคียงของยาเหล่านี้จะรบกวนรูปแบบการนอนหลับตามปกติ ทำให้ร่างกายกระวนกระวายจนนอนไม่หลับนั่นเอง

สาเหตุของการนอนไม่หลับที่เกิดจากอายุที่มากขึ้น

อาการนอนไม่หลับเกิดขึ้นได้ทุกวัย แต่จะพบบ่อยมากขึ้นในผู้สูงอายุ ซึ่งสาเหตุของการนอนไม่หลับในผู้สูงอายุนั้นจะมาจากจังหวะการเต้นของหัวใจซึ่งควบคุมวงจรการนอนหลับและตื่นมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนไป ผู้สูงอายุหลาย ๆ คนมักพบว่าตัวเองง่วงมากขึ้นในช่วงหัวค่ำและตื่นเช้าขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้อาจนำไปสู่การตื่นในตอนเช้าและนอนหลับยากตลอดทั้งคืนได้ ทั้งนี้เรื่องของโรคในผู้สูงอายุก็เป็นสาเหตุของการนอนไม่หลับอีกสาเหตุหนึ่งด้วย

เรียกได้ว่าสาเหตุของการนอนไม่หลับนั้นส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ทางร่างกายและจิตใจของแต่ละบุคคลเป็นอย่างมาก ซึ่งหากเกิดเป็นภาวะนอนไม่หลับเรื้อรังขึ้นมาก็อาจทำให้ร่างกายเกิดความเหนื่อยล้า หงุดหงิดง่าย ไม่มีสมาธิ และการทำงานในเวลากลางวันบกพร่องได้ นอกจากนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุและส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน และความผิดปกติทางอารมณ์ เป็นต้น

อาการนอนไม่หลับแบบไหนที่ต้องระวัง?

หากมีปัญหาเกี่ยวกับการนอนไม่หลับ หรือหลับไม่สนิทอย่างต่อเนื่อง สิ่งสำคัญคือไม่ควรที่จะปล่อยให้ปัญหาเหล่านี้ผ่านไปโดยไม่ได้รับการดูแลหรือแก้ไข เพราะหากไม่ได้รับการรักษาที่ตรงจุดกับสาเหตุของการนอนไม่หลับก็จะทำให้ส่งผลเสียต่อร่างกายและความเป็นอยู่โดยรวมได้ ซึ่งจะมีอาการนอนไม่หลับแบบไหนที่ต้องระวัง? อาการนอนไม่หลับแบบไหนที่ต้องไปพบแพทย์บ้างนั้น? ตามไปดูเพิ่มเติมกันได้เลย

  • นอนหลับยาก (ใช้เวลามากกว่า 20 นาที)
  • ตื่นตอนกลางดึกบ่อยครั้ง (ทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง)
  • ระยะเวลาการนอนหลับสั้น (นอนเพียง 2-3 ชั่วโมงและตื่นนอน)
  • อาการนอนไม่หลับเรื้อรัง (มากกว่า 3 วัน/สัปดาห์ หรือเป็นเวลานานกว่า 3 เดือน)
  • อาการนอนไม่หลับส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน เช่น ทำให้หลงลืม ไม่มีสมาธิ หงุดหงิดบ่อยขึ้น หรือร่างกายอ่อนแอง่ายต่อการเจ็บป่วยมากขึ้น 

การปล่อยให้อาการเหล่านี้เกิดขึ้นโดยไม่ได้รับการแก้ไขอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพมากมายตามมา ที่สำคัญการนอนไม่หลับเรื้อรังยังมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของความผิดปกติทางอารมณ์ เช่น ภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวล การทำงานของการรับรู้ที่ลดลง การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง และมีโอกาสสูงที่จะเกิดภาวะสุขภาพเรื้อรัง เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจและโรคเบาหวาน รวมถึงยังอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานและทำให้คุณภาพชีวิตโดยรวมแย่ลงได้

เคล็ดลับจัดการอาการนอนไม่หลับให้อยู่หมัด

ถึงแม้อาการนอนไม่หลับทั่วไปจะไม่ได้ส่งผลต่อสุขภาพจิต ร่างกาย และความเป็นอยู่โดยรวมมากนัก แต่ถ้าหากปล่อยไว้จนเกิดเป็นภาวะนอนไม่หลับเรื้อรังขึ้นมาก็จะส่งผลกระทบต่อร่างกายและความเป็นอยู่โดยรวมได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว โดยการทำความเข้าใจสาเหตุของการนอนไม่หลับถือเป็นสิ่งสำคัญในการค้นหาวิธีแก้ปัญหาที่ปรับให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลเพื่อปรับปรุงการนอนหลับให้ดียิ่งขึ้นได้ ซึ่งด้านล่างนี้คือเคล็ดลับในการแก้ปัญหาการนอนไม่หลับสาเหตุการนอนไม่หลับแต่ละสาเหตุที่บอกเลยว่าสามารถทำตามได้ไม่ยาก

  • ความเครียดและความวิตกกังวล
    • ฝึกเทคนิคการลดความเครียด เช่น การทำสมาธิ การฝึกหายใจเข้าลึก ๆ การผ่อนคลายกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่อง หรือพิจารณาการบำบัดหรือการเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อจัดการกับความเครียดที่แฝงอยู่
  • ตารางการนอนหลับที่ผิดปกติ
    • จัดตารางการนอนหลับให้สม่ำเสมอโดยเข้านอนและตื่นนอนเวลาเดิมทุกวัน แม้แต่วันหยุดสุดสัปดาห์
  • ใช้เวลาอยู่หน้าจอก่อนนอนมากเกินไป
    • จำกัดการดูหน้าจออย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงก่อนเข้านอน เลือกทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น อ่านหนังสือหรืออาบน้ำอุ่นแทน
  • ปริมาณคาเฟอีน
    • หลีกเลี่ยงคาเฟอีนในช่วงก่อนเข้านอน และคำนึงถึงปริมาณคาเฟอีนที่ซ่อนอยู่ในอาหารและยาบางชนิด
  • มื้อหนักก่อนนอน
    •  รับประทานอาหารมื้อใหญ่หรือเผ็ดให้เสร็จอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงก่อนเข้านอนเพื่อให้ระบบย่อยอาหารสามารถทำงานได้อย่างเหมาะสม
  • สภาพแวดล้อมในการนอนที่ไม่สบาย
    •  ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสภาพแวดล้อมในการนอนมีความสบาย โดยมีที่นอนที่นุ่มพอดีไม่แข็งจนเกินไป อุณหภูมิห้องที่เหมาะสม มีแสงสว่างและเสียงรบกวนน้อยที่สุด หรืออาจมีการใช้ที่อุดหูหรือผ้าปิดตาหากจำเป็น
  • เวลาในการทำงานที่ไม่ปกติ
    • ค่อย ๆ ปรับตารางการนอนหลับให้สอดคล้องกับเวลาทำงานหรือการเปลี่ยนแปลงเขตเวลา 
  • มีโรคประจำตัวหรือป่วยเรื้อรัง/ การใช้ยารักษาอาการบางชนิด
    • ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อแก้ไขปัญหาทางการแพทย์ที่เป็นสาเหตุของการนอนไม่หลับและหารือเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจรบกวนการนอนหลับ จากนั้นปฏิบัติตามแนวทางการรักษาหรือการบำบัดที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกำหนด
  • อายุที่มากขึ้น
    • มุ่งเน้นที่การปรับสุขอนามัยในการนอนหลับ พิจารณาการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต และหารือเกี่ยวกับข้อกังวลเรื่องการนอนหลับที่เกี่ยวข้องกับอายุกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำเฉพาะบุคคล

สำหรับเคล็ดลับจัดการอาการนอนไม่หลับให้อยู่หมัดนั้น ต้องบอกก่อนเลยว่าปัญหาการนอนไม่หลับเป็นปัญหาที่ค่อนข้างมีความซับซ้อน เนื่องจากสาเหตุของการนอนไม่หลับอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ดังนั้นหากมีอาการนอนไม่หลับเรื้อรังจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาถึงสาเหตุการนอนไม่หลับและปรับแนวทางการแก้ไขที่ครอบคลุมเกี่ยวกับวิธีการรักษา หรือการรักษาที่ตรงกับสาเหตุที่ทำให้นอนไม่หลับในแต่ละสาเหตุได้ดียิ่งขึ้น 

บทความที่เกี่ยวข้อง