‘โยคะ’ นับเป็นหนึ่งในการออกกำลังที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดีได้อย่างแท้จริง เพราะโยคะเป็นการสร้างความสมดุลของร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณแบบองค์รวม ผลจากการฝึกโยคะอันประกอบด้วยการฝึกท่าบริหาร (อาสนะ) การฝึกลมหายใจ (ปราณายามะ) รวมไปถึงการฝึกสติและสมาธิ จะช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเซโรโตนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นทั้งสารสื่อประสาทและเป็นฮอร์โมนที่ส่งผลดีต่อสุขภาพใจ ซึ่งช่วยให้จิตใจสงบ เกิดสมาธิ และความคิดสร้างสรรค์ ขณะเดียวกัน โยคะยังช่วยเพิ่มระดับของเอนไซม์ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ตลอดจนช่วยให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้นได้ ซึ่งใครก็ตามที่มีระบบภูมิคุ้มกันที่ดี ก็จะมีส่วนสำคัญที่จะช่วยป้องกันร่างกายให้ห่างไกลโรคได้ ไม่เพียงเท่านี้ ในการฝึกโยคะยังส่งผลอย่างมากต่อระบบภายในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นระบบประสาทอัตโนมัติพาราซิมพาเทติก (Parasympathetic System) ที่มีหน้าที่ในการจัดการกับความเครียด ซึ่งการหายใจก็มีส่วนในการกระตุ้นให้ระบบประสาทดังกล่าวทำงานไปโดยอัตโนมัติ
การฝึกควบคุมลมหายใจหรือ ‘ปราณายามะ’ ในโยคะก็เอื้อให้เราสามารถหายใจได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น แถมยังเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยากเลย ลองหาพื้นที่โล่งๆ ที่อากาศถ่ายเทสะดวก คุณสามารถที่จะยืนหรือนั่งในท่าสบายๆ และเริ่มด้วยการหายใจเข้าให้ลึกที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ กลั้นลมหายใจไว้สักประมาณ 2-3 วินาที จากนั้นหายใจออกช้าๆ โดยผ่อนคลายร่างกายไปด้วย การหายใจเข้าให้ลึกจะช่วยขยายปอดและดึงเอาออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย อีกทั้งยังทำให้เราต้องหายใจออกยาวๆ ตามไปด้วยโดยอัตโนมัติ ซึ่งขณะที่เราหายใจออกก็จะช่วยขับสารพิษต่างๆ ที่ตกค้างออกไปตามธรรมชาติ นอกจากการหายใจแล้ว เรายังเพิ่มประสิทธิภาพของภูมิต้านทานได้จากการฝึกท่าบริหารพื้นฐานที่ใครก็สามารถทำได้ที่บ้านเช่นเดียวกัน
ท่าเด็ก (Balasana) เป็นอาสนะที่ไม่เพียงแต่จะช่วยยืดกล้ามเนื้อ สะโพก ต้นขา และข้อเท้า ลดอาการปวดหลังและปวดคอ รวมทั้งช่วยระบบย่อยอาหารและระบบสืบพันธุ์เท่านั้น แต่ยังเป็นการกระตุ้นระบบน้ำเหลืองที่ส่งผลโดยตรงต่อการไหลเวียนของเลือดและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ดียิ่งขึ้น
ในการเข้าสู่ท่าสามารถเริ่มต้นจากการนั่งคุกเข่า สะโพกทับลงบนส้นเท้า ปลายเท้าชิด แยกเข่าออกจากกัน เมื่อพร้อม ให้สูดลมหายใจเข้าช้าๆ ยืดหลังให้ตรง ในจังหวะหายใจออกค่อยๆ ก้มตัวไปข้างหน้า วางหน้าผากลงเบาๆ ที่พื้น ยืดแขนออกไปให้สุด ผ่อนคลายหัวไหล่สบายๆ อยู่ในท่านี้ประมาณ 2-3 นาที จากนั้นจึงยกตัวขึ้นกลับสู่ท่าเดิม
ท่าปลา (Matsyasana) คือท่าที่จะช่วยเปิดและขยายร่างกายส่วนบน ไม่ว่าจะเป็นหัวใจหรือปอด พร้อมกับช่วยกระตุ้นระบบการย่อยอาหาร สร้างความผ่อนคลาย รวมทั้งการทำงานของต่อมพาราไทรอยด์ที่มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ในท่าปลานั้นก็ทำได้ง่ายๆ ด้วยการนอนหงายลงกับพื้น วางมือทั้ง 2 ข้างไว้ใต้บั้นท้าย หายใจเข้า เตรียมตัวเข้าสู่ท่า เมื่อหายใจออกใช้ศอกยกลำตัวขึ้น ส่งแผ่นอกขึ้นหาเพดาน เชยคาง วางกลางกระหม่อมไว้ที่พื้น โดยค้างอยู่ท่านี้ประมาณ 5-10 วินาที จากนั้นจึงกลับสู่ท่าเริ่มต้น
ท่าภูเขา (Tadasana) เป็นอีกหนึ่งอาสนะที่จะช่วยพัฒนาระบบไหลเวียนเลือด ซึ่งเมื่อการไหลเวียนเลือดทำได้อย่างดี จะทำให้การส่งออกซิเจนและสารอาหารไปยังส่วนต่างๆ ในร่างกายทำได้ดียิ่งขึ้น พร้อมกับช่วยฟื้นฟูความสมดุลและสร้างความผ่อนคลายให้กับร่างกายของเราท่าภูเขาสามารถทำได้จากยืนตรงวางมือแนบลำตัว หายใจเข้าให้ลึกและยาว พร้อมกับยกมือทั้ง 2 ข้าง ขึ้นเหนือศรีษะ ประสานฝ่ามือเข้าไว้ด้วยกัน เชยคาง ยืดตัวขึ้น ถ่ายเทน้ำหนักไปยังปลายเท้า ค้างอยู่ในท่านี้ประมาณ 5-10 ลมหายใจ จากนั้นลดแขนลง และผ่อนคลายร่างกาย
เมื่อเสริมสร้างสุขภาพด้วยการออกกำลังกายแล้ว การดูแลตัวเองในชีวิตประจำวัน ทั้งการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การพักผ่อนให้เพียงพอ รวมทั้งทำจิตใจให้แจ่มใส ก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่ควรทำควบคู่กันไปเพื่อสร้างเกราะที่แข็งแรงให้เราห่างไกลจากโรคต่างๆ ที่มีอยู่รอบตัว
อ้างอิง:
www.yogajournal.com
www.dmh.go.th
www.bangkokhospital.com