7 วิธีพักผ่อนที่ร่างกายและจิตใจต้องการ แต่คุณอาจไม่รู้

Care / Self Care

คุณเคยไหม? ทำงานเหนื่อยมาทั้งสัปดาห์ พอถึงวันหยุดทั้งทีเลยนอนอืดอยู่บนโซฟา สั่งแกร๊บ เปิดเน็ตฟลิกซ์ดูจนตาแฉะ จากนั้นก็เข้านอนหลับยาว 7-8 ชั่วโมง แต่เอ๊ะทำไม… พอตื่นมาวันจันทร์แล้วก็ยังรู้สึกเหนื่อยล้า เหมือนกับว่าเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาไม่ได้ชาร์ตแบตให้สดใสขึ้นเลย 

ถ้าสิ่งเหล่านี้เคยเกิดขึ้นกับคุณ บางทีคุณอาจกำลังเข้าใจผิด คิดว่าการนอนคือการพักผ่อนทั้งหมดที่คุณต้องการ… แต่จริงๆ แล้ว มันไม่ใช่!

Saundra Dalton-Smith แพทย์ที่มีประสบการณ์การทำงานมายาวนานกว่า 20 ปี และผู้เขียนหนังสือขายดี ‘Sacred Rest’ ได้กล่าวไว้ใน TED Talk อันลือลั่นของเธอว่า จริงๆ แล้ว การนอนเป็นเพียงการพักผ่อนวิธีหนึ่งเท่านั้น แต่คนเรายังต้องการดูแลตัวเองด้วยการพักผ่อนที่แตกต่างกันอีก 7 ประเภทด้วยกัน เพื่อให้ร่างกายและจิตใจได้ฟื้นฟูกลับมากระฉับกระเฉงอีกครั้ง

1. พักผ่อนทางกาย (Physical Rest)

เปาโล คูเอลโญ (Paulo Coelho) นักเขียนชื่อดังกล่าวไว้ในหนังสือ ‘The Archer’ ของเขาว่า ร่างกายก็เหมือนคันธนูที่ไม่สามารถถูกหยิบจับมาใช้งานได้ตลอดเวลา แต่เราต้องให้คันธนูได้พัก สายที่หย่อนยานจากการดึงรั้งจึงจะฟื้นตัวกลับมาตึงดังเดิม แน่นอน การพักผ่อนทางกายวิธีแรกก็คือ การปิดสวิทช์ร่างกาย​ หรือการนอนหลับนั่นเอง แต่นอกเหนือจากการนอนแล้ว ร่างกายยังต้องการการผ่อนคลายในแบบอื่นด้วย เช่น โยคะ การยืดเหยียด และการนวด เป็นต้น โดยเราควรให้รางวัลแก่ร่างกายอันเหนื่อยล้าของเราด้วยวิธีเหล่านี้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์

2. พักผ่อนทางจิตใจ (Mental Rest)

หลายคนนอนเต็มอิ่มมา 8 ชั่วโมง พอถึงออฟฟิศก็จัดกาแฟแก้วใหญ่ แต่ตลอดทั้งวันกลับป้ำๆ เป๋อๆ ลืมโน่นลืมนี่ ฟังอ่านอะไรก็ไม่แตก แล้วก็ทำผิดพลาดไปหมด แถมพอถึงเวลานอนก็ยังมีเสียงความคิดของตัวเองดังในหัวเต็มไปหมด… หากใครประสบกับปัญหาเหล่านี้ อาจเป็นเพราะจิตใจของคุณไม่ได้พักผ่อนเพียงพอ

การพักผ่อนทางจิตใจที่ดีที่สุดคือการเข้าหาธรรมชาติ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณต้องลาออกไปอยู่ป่าอยู่เขา หรือลาพักร้อนไปเที่ยวต่างจังหวัดทุกเดือน (ซึ่งอาจทำให้คุณถูกไล่ออก) เพราะในระหว่างวันทำงาน คุณก็สามารถพักจิตใจได้ง่ายๆ ด้วยการละจากการงานสัก 10 นาที ในทุกๆ 2 ชั่วโมง แล้วอาจออกไปเดินเล่น กินขนม สูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อทำสมาธิ หรือถ้ามีสวนสาธารณะอยู่ใกล้ๆ ที่ทำงาน คุณก็อาจออกไปเดินยืดเส้นยืดสายสักพัก มองดูต้นไม้เขียวๆ ฟ้าใสๆ … เชื่อเถอะว่า พอกลับมาทำงาน สมองของคุณจะปลอดโปร่งโล่งกว่าเดิม

3. พักประสาทสัมผัส (Sensory Rest)

ทุกวันนี้ เราต่างรายล้อมด้วยแสงไฟจากจอคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ แท็บเลต ไหนจะเสียงดนตรีดังสนั่นจากคลิปที่คนข้างๆ เปิดดู และเสียงของเครื่องมือสื่อสารเหล่านั้นที่ดังปิ๊งป่องๆ ทั้งวัน จนแทบหาความสงบไม่ได้ แล้วเชื่อไหมว่าแสงจ้าและเสียงน่ารำคาญพวกนั้นทำให้เราเหนื่อยล้า

หากคุณยังจำเป็นต้องใช้เครื่องมือเหล่านั้นในการทำงาน อย่างน้อยๆ ขอให้แน่ใจว่าคุณปิดสวิทช์ทุกอย่างก่อนจะเข้านอน และถ้าเป็นไปได้ ในระหว่างวัน คุณควรมีช่วงเวลาที่ตัวคุณเองได้นั่งนิ่งๆ พักสายตาจากแสงจ้า และพักหูจากเสียงต่างๆ 

4. พักผ่อนอย่างสร้างสรรค์ (Creative Rest)

คนในแวดวงความคิดสร้างสรรค์ต้องอ่านข้อนี้ให้ดี เวลาที่คุณคิดงานไม่ออก คำแนะนำก็คือ อย่ามัวแต่นั่งอยู่กับโต๊ะและเขกหัวตัวเองไปมา คุณควรทิ้งโทรศัพท์ไว้แล้วออกไปเดินเล่น เพราะอย่างที่ Erling Kagge เขียนไว้ในหนังสือ ‘Walking’ อัจฉริยะ นักคิดนักเขียน และผู้ที่ประสบความสำเร็จหลายคน เกิดความคิดดีๆ ตอนที่ออกไปเดินทั้งนั้น คุณยังอาจเลือกพักสมองด้วยการฟังเพลงที่คุณชอบ ดูหนังหรืออ่านหนังสือที่สามารถเป็นแรงบันดาลใจได้ หรือใครที่ชอบงานศิลปะ การออกไปเสพศิลปะดีๆ หรือแม้แต่หางานศิลปะที่คุณชอบติดไว้ในออฟฟิศ ก็เป็นอีกวิธีในการพักผ่อนอย่างสร้างสรรค์

5. พักผ่อนทางอารมณ์ (Emotional Rest)

การพักผ่อนทางอารมณ์จำเป็นมากสำหรับคนแสนดีที่ใครขออะไรก็ “เยสๆๆ” ทำให้ได้หมดทุกอย่าง ทั้งๆ ที่บางอย่างตัวเองก็ไม่ได้อยากตกลงทำให้ แต่เพราะปฏิเสธคนไม่เป็นก็เลยต้องแบกรับทุกอย่างเอาไว้กับตัว แล้วลึกๆ ก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าตัวเองถูกคนอื่นเอาเปรียบ

คุณควรเรียนรู้ที่จะปฏิเสธคนอื่นบ้าง แล้วก็ไม่ใช่เรื่องผิดที่คุณจะพูดความจริงออกไป อย่างเวลาที่มีคนถามคุณว่า “เป็นไงบ้าง โอเคไหม” ถ้าคุณไม่ได้รู้สึกโอเคเลย ก็ตอบไปตามตรงว่า “ไม่ค่อยโอเคเท่าไร” แล้วเมื่อมีโอกาสก็บอกออกไปเลยว่าอะไรที่ทำให้คุณไม่โอเค

6. พักผ่อนจากสังคม (Social Rest)

คล้ายๆ กับการพักผ่อนทางอารมณ์ เพราะบางครั้ง ความสัมพันธ์ที่เปราะบางและความคาดหวังจากคนรอบข้างก็ทำให้คุณเหนื่อยล้าได้เหมือนกัน สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ ลองลิสต์ว่ามีใครบ้างที่คุณใช้เวลาอยู่ด้วยได้อย่างสบายใจ คนที่คอยให้กำลังใจในสิ่งที่คุณทำเสมอ คนที่ง่ายๆ สบายๆ ไม่คาดหวังอะไรจากคุณ แล้วพยายามใช้เวลากับคนเหล่านั้นให้มากกว่าคนที่เรียกร้องต้องการอะไรจากตัวคุณตลอดเวลา เพราะอย่าลืมว่าผู้เป็นมิตรที่แท้จริงไม่สนใจหรอกว่าคุณจะเป็นใครและทำอะไรให้เขาได้บ้าง

7. พักผ่อนจิตวิญญาณ (Spiritual Rest)

หลายคนมีหน้าที่การงานที่ประสบความสำเร็จ มีเงินใช้เหลือเฟือ นอนเต็มอิ่ม และมีเวลาออกไปพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ แต่… ยังคงรู้สึกราวกับว่าชีวิตว่างโหวง ไม่เติมเต็ม

Dalton-Smith เชื่อว่าจิ๊กซอว์ที่หายไปคือ ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับสิ่งอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากตัวเรา เธอแนะนำให้เราออกไปทำอะไรเพื่อคนอื่น เช่น เป็นอาสาสมัครทำอาหารให้ผู้ยากไร้ อาสาพาสุนัขในสถานพักพิงเดินเล่น ฯลฯ หรือสำหรับบางคน การหันเข้าหาศรัทธาทางศาสนาที่ช่วยให้จิตใจสงบ ก็อาจเป็นการพักผ่อนทางจิตวิญญาณได้เช่นกัน 

รู้จักวิธีการพักผ่อนทั้ง 7 อย่างแล้ว วันหยุดคราวหน้าก็อย่าลืมเลือกใช้เวลาพักผ่อนให้ครบถ้วนทั้งทางร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ หรือหากคุณลองคำนวณแล้วว่าตัวเองต้องการการพักผ่อนแบบไหนมากเป็นพิเศษ ก็สามารถจัดสรรให้เหมาะสมได้ แล้วลองสังเกตดูว่าคุณรู้สึกมีพลังในการทำงานและใช้ชีวิตมากขึ้นกว่าเดิมหรือเปล่า 

แปลและเรียบเรียงจาก:
ideas.ted.com
purewow.com

บทความที่เกี่ยวข้อง