ชมพู่-กาญจนา ชนาเทพาพร เป็นชาวอุดรธานีที่ย้ายถิ่นพำนักมายังจังหวัดขอนแก่น หลังจากเรียนจบปริญญาโท MBA จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น เธอตัดสินใจไปเรียนตัดเย็บเสื้อผ้าเพิ่มเติมเพื่อมาดูแลกิจการของครอบครัวสามีเพื่อให้มีความรู้จริงและเข้าใจในงาน กระทั่งได้เรียนรู้และเริ่มลงมือทําจนเกิดเป็นความรัก ในปี 2007 เธอจึงรวบรวมทีมช่างและเปิด ‘by Heart’ ห้องเสื้อเล็กๆ ที่รับออกแบบตัดเย็บชุดแต่งงานและชุดออกงาน ตลอด 15 ปีของการทํางานที่ by Heart ชมพู่มีโอกาสได้เจอช่างฝีมือชาวอีสานซึ่งต้องการกลับมาทํางานอยู่กับครอบครัว ตลอดจนนักออกแบบรุ่นใหม่ที่จบมาแต่ไม่มีงานที่อยากทําที่บ้าน เมื่อได้รู้ถึงปัญหาในชุมชนที่เธออยู่ ชมพู่จึงอยากเริ่มต้นสร้างงานขึ้นที่นี่กับธุรกิจเล็กๆ จากกําลังที่มีเพื่อเป็นพื้นที่ให้คนทํางานสร้างสรรค์และช่างฝีมือท้องถิ่นได้มีงานที่ภาคภูมิใจที่สามารถอยู่กับบ้านและครอบครัวได้
ปี 2019 ‘BWILD ISAN’ (บีไวลด์ อีสาน) จึงถูกก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเพื่อเป็นธุรกิจที่ไม่มุ่งเน้นหากำไรสูงสุดอย่างเดียว แต่มุ่งสร้างคุณค่ากลับมาสู่อีสานไปพร้อมกันด้วย BWILD ISAN เป็นชุมชนที่นักออกแบบและช่างฝีมือในท้องถิ่นซึ่งเชื่อในเรื่องเดียวกันสามารถมาสร้างสรรค์ผลงานดีๆ ร่วมกันได้ ตลอดจนเป็นเวทีสำหรับคนรุ่นใหม่ในอีสานให้ได้มีโอกาสทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด สร้างงานอย่างมีจุดยืน มีเหตุและมีผล รวมทั้งเป็นงานสร้างสรรค์ที่มีผู้คนและสังคมเป็นปลายทาง วันนี้ ชมพู่จะพาเราย้อนอดีตไปถึงต้นกำเนิดของแบรนด์จากอีสานแท้ๆ แห่งนี้ รวมถึงสิ่งที่เธอและทีมกำลังตั้งใจปลุกปั้นอยู่ ตลอดจนอนาคตที่วาดหวังไว้ของ BWILD ISAN กับการเป็นแบรนด์แฟชั่นยั่งยืนที่พร้อมเติบโตไปกับผู้คน ชุมชน และประเทศที่เธอรักผ่านบทสัมภาษณ์ฉบับนี้
เริ่มต้นจากวิกฤต
หลังจากหาประสบการณ์จนมีความเชี่ยวชาญในงานพอประมาณและเริ่มศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในการทำธุรกิจ รวมถึงแนวทางการสร้างแบรนด์อย่างจริงจังแบบที่คิดว่าน่าจะนําพาทีมไปรอด แบรนด์จากขอนแก่นแบรนด์นี้ก็เจองานหินเข้าอย่างจังตั้งแต่ก้าวแรก เพราะปี 2020 คือปีที่ทั้งโลกต้องพบกับวิกฤตระดับโลกอย่างการระบาดของโควิด 19 ที่แทบทุกธุรกิจถูกแช่แข็งแบบไม่ทันตั้งตัว ในขณะที่ BWILD ISAN อยู่ในธุรกิจแฟชั่นซึ่งไม่มีความจําเป็นใดๆ ในยุคโควิด ยุคที่คนจํานวนมากต้องตกงานและหลายธุรกิจต้องปรับตัวอย่างหนัก แต่ด้วยความเชื่อในการสร้างแบรนด์ที่ว่าไม่ว่าสถานการณ์ใดจะเกิดขึ้น แบรนด์ที่มีคุณค่าจะอยู่ในหัวใจคน แม้จะเป็นเพียงแบรนด์เล็กๆ ก็สามารถสร้างคุณค่าให้ผู้คนได้หากเจอจุดที่พอดี มีความประมาณตน ไม่ต้องรอพร้อม แต่เริ่มทําได้เลยจากจุดเล็กๆ ที่เราอยู่ได้ สิ่งที่ BWILD ISAN ทำคือการหยิบเอาความกล้ามาเปลี่ยนสิ่งบ้านๆ จากอีสานในสายตาคนอื่นให้กลายเป็นสิ่งพิเศษและมีคุณค่าจากวัสดุที่มีในแผ่นดินของตัวเอง ใช้ความถนัดที่แตกต่างกันของสมาชิกภายในชุมชน รวมถึงงานฝีมือจากช่างท้องถิ่น ซึ่งเป็นการร่วมมือร่วมใจของคนต่างเจนเนอเรชั่น
“เราเริ่มต้นสร้างแบรนด์ช่วง 2019 พอ 2020 โควิดเข้ามาในประเทศเราพอดี ตอนนั้นคำถามคงเหมือนกันทั้งหมดว่า “แล้วฉันจะต้องทำอย่างไร?” เพราะสถานการณ์ทุกอย่างน่ากลัวมากเลย แต่เราได้เห็นสัจธรรม รู้สึกและรับรู้ได้ถึงความยากลำบากของคนรอบตัว ที่ไม่ใช่แค่เราเพียงคนเดียว แต่คือทั้งประเทศและโลกของเรา ตอนนั้นจึงกลับมาตั้งสติและคิดว่าในสถานการณ์แบบนี้ เราพอจะทำอะไรได้บ้าง ไม่ได้คิดว่า เราจะเอาตัวรอดไปคนเดียวได้อย่างไรดี แต่คิดว่าในฐานะที่เราทำธุรกิจมา 14-15 ปีในอีสาน ถ้าอย่างน้อยการมีอยู่ของเราสามารถโอบอุ้มผู้คนรอบๆ ตัว ไว้ได้ในเวลาวิกฤตแบบนี้น่าจะเป็นอะไรที่ดีกว่าการมานั่งกอดและปลอบใจแต่ตัวเองว่าฉันและครอบครัวต้องไม่เป็นอะไร คนอื่นช่างมัน อะไรแบบนั้น”
เมื่อคิดได้อย่างนั้น ชมพู่และทีมของเธอจึงเริ่มต้นสร้างสรรค์ ‘Wild in The City’ คอลเล็กชั่นแรกของแบรนด์ที่ผ่านการลองผิดลองถูก เรียนรู้ และพัฒนาร่วมกันระหว่างนักออกแบบซึ่งมีความชอบและทักษะแตกต่างกันจนได้เป็นไลน์ผลิตภัณฑ์ที่มีทั้งลวดลายบนผ้าไหมมัดหมี่ ภาพวาดบนผ้าพันคอ เสื้อผ้าอาภรณ์ น้ำหอม กระเป๋า และเซรามิก
“ปีแรกของ BWILD ISAN ผ่านไปด้วยความรู้สึกฮึกเหิม เพราะคอลเล็กชั่นแรกที่เราทำได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ‘Wild in The City’ ได้รางวัล Best Collection Award จาก Qurated Fashion Incubation Project 2020 แต่พอเข้าสู่ปีที่ 2 เราเริ่มมาคิดว่าเราจะทำสินค้าเยอะๆ แบบเดิมไม่ได้แล้ว เพราะสินค้าแต่ละตัวต้องใช้เวลาในการเล่าเรื่องเยอะ ยิ่งเล่าน้อย ยิ่งรู้สึกว่าสิ่งที่ทำไม่มีคุณค่า เราจึงค่อยๆ ชะลอตัวเองลงมา ปีที่สองจึงเป็นปีที่เราหาจุดพอดี เป็นช่วงเวลาที่เราได้ฝึกมองความเป็นอีสานอย่างลึกซึ้ง ได้พูดถึงเรื่องบ้านของเราด้วยความพินิจพิเคราะห์ขึ้น ได้เดินทางกลับมาสู่บ้านและชื่นชมกับสิ่งที่เรามี โดยบอกเล่าผ่านชิ้นงานในคอลเล็กชั่น ‘Ant Colony’ ซึ่งนำเสนอให้เห็นถึงความสวยงามของภาคอีสานในฤดูร้อนที่แม้ผืนดินจะแตกระแหง แต่ยังคงมีความงามซ่อนอยู่ ถือเป็นคอลเล็กชั่นที่เชื่อมโยงไปกับวิถีชีวิตของอีสานแท้ๆ โดยเราสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศจาก Thai Designer Academy 2021 มาครอง”
กำเนิดไก่บ้าน
“อย่างที่บอกว่าช่วง 2 ปีแรก เราเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่ทิศทางของการทำธุรกิจที่เรามองไปข้างหน้ากลับดูคลุมเครือมาก จึงทำให้ BWILD ISAN ต้องกลับมาทบทวนกับจุดยืนของแบรนด์ว่าเราต้องปรับตัวและกลับมาดูว่าแฟชั่นหลังโควิดควรจะเป็นไปอย่างไร”
ชมพู่มีโอกาสได้เข้าโครงการ ‘พอแล้วดี The Creator’ ที่ดูเหมือนเธอถูกเคาะกะโหลกเข้าอย่างจังให้กลับมาดูว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นรู้จักประมาณตน มีเหตุมีผล ตลอดจนมีภูมิคุ้มกันแค่ไหน สิ่งที่ตัวเธอมีอย่างอิคิไกหรือแพชชั่นต่างๆ จะขับเคลื่อนแบรนด์ไปสู่ความยั่งยืนอย่างที่ตั้งใจได้หรือเปล่า
“คำว่า ‘ยั่งยืน’ สำหรับเราจะต้องมีคนอื่นอยู่ในนั้น ถ้าคุณแค่ทำธุรกิจเฉยๆ คุณไม่ต้องรู้อะไรเยอะหรอก แค่คุณทำของมา แล้วขายของให้ได้มากกว่าต้นทุนนั่นคือพอแล้ว แต่อนาคตของ BWILD ISAN ต้องการรอดอย่างยั่งยืนเท่านั้น ซึ่งการทำธุรกิจในแบบ BWILD ISAN เกิดขึ้นจากผู้สร้างสรรค์ซึ่งมีแนวคิดในการทํางานแบบไม่ได้ต้องการเพียงกําไร (Profit) ทางธุรกิจอย่างเดียว แต่ยังต้องคํานึงถึงคน (People) และคุณค่าที่สังคมจะได้รับจากงานที่ออกแบบนั้น รวมไปถึงต้องไม่พยายามสร้างปัญหาจากงานออกแบบที่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและโลก (Planet) ด้วย เมื่อใดที่ 3P อย่าง Profit, People และ Planet เกิดขึ้นได้พร้อมกัน นั่นจะเป็นหนทางที่จะนําพาให้ธุรกิจนั้นเป็นธุรกิจที่ดีและยั่งยืนได้
“การเรียนรู้ครั้งนี้ถือเป็นจุดพีคของเราเลยที่จะตามหาความพอดีและสมดุลให้กับแบรนด์แฟชั่นที่เกิดในยุคโควิด จริงอยู่ที่เราเห็นขยะจากอุตสาหกรรมแฟชั่นเยอะมาก แต่เรายังเชื่อเสมอว่าแฟชั่นไม่ใช่ความชั่วร้าย เราสามารถเป็นแบรนด์แฟชั่นที่ดีที่นำความหวังและความภาคภูมิใจกลับมาให้คนที่สร้างสรรค์ได้ นี่จึงเป็นโจทย์ที่เราพยายามคิดและทำจนเป็นโปรดักท์ ‘กระเป๋าไก่บ้าน’ ออกมาแค่รุ่นเดียว”
จากวิถีชีวิตบ้านๆ ของอีสานที่ตื่นมาก็เห็นคนเลี้ยงไก่ ทุกบ้านมีไก่ แต่จะทำให้ไก่เหล่านี้ว้าวและพิเศษแปลกตาได้อย่างไรในเมื่อทุกคนรู้จักไก่อยู่แล้ว รวมถึงวิถีชีวิตของคนบ้านนอกแบบที่เราคุ้นชิน จะทำอย่างไรให้คนในเมืองและทั่วโลกว้าวได้ สิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นโจทย์ที่ชมพู่กลับไปทำการบ้านถึง 2 ปีเต็มก่อนคอลเล็กชั่น ‘กระเป๋าไก่บ้าน’ จะออกสู่สายตาสาธารชนและกลายเป็นไวรัลไปทุกหัวระแหง โดยกระเป๋าไก่บ้านเปิดตัวด้วย 3 วัสดุหลักๆ คือหนังแท้ หนังไมโครไฟเบอร์ และในรุ่นพิเศษที่ได้นำผ้าไหมมัดหมี่ที่ทอลายจากแรงบันดาลใจของไก่บ้านในมุมมองของช่างทอผ้า นำมาตัดเย็บผสมหนัง กระเป๋าไก่บ้านทุกรุ่น ถูกบอกเล่าด้วยอารมณ์สนุกๆ และเรียกว่าหลุดจากกรอบเดิมๆ ไปได้ไกลมาก ขณะเดียวกันก็ยังสามารถชูคุณค่าของวัฒนธรรมและการใช้ชีวิตของคนท้องถิ่นได้อย่างเฉิดฉาย
ความท้าทายในแฟชั่นยั่งยืน
“เราไม่ต้องการสร้าง fast fashion เราผลิตอย่างพอดี เราขายอย่างมีสติ สำหรับเรา ช่างทอผ้าไหมมัดหมี่ที่ปลูกหม่อน เลี้ยงไหม และทอผ้าเอง ไม่ได้ไปทำลายสิ่งแวดล้อมเหมือนในระดับโรงงานหรือระดับอุตสาหกรรม เราทอผ้าเท่าที่จำเป็นต้องใช้ กระบวนการทุกอย่างทำด้วยมือคนเพียงคนเดียว และพยายามนำทุกอย่างตลอดเส้นทางมาผลิตเพื่อให้เหลือขยะน้อยที่สุด เรามองว่ากระบวนการเหล่านี้คือความยั่งยืนนะ ซึ่งถ้าเราเลือกวัสดุที่ทั่วโลกบอกว่าดีมาก แต่คุณไม่สามารถเข้าถึงมันได้ ต้องทุ่มเทเงินมหาศาลข้ามโลกเพื่อพิสูจน์ว่าคุณอยู่บนแนวทางของความยั่งยืน แบบนั้นคงไม่ใช่ความยั่งยืนสำหรับเรา
“ดังนั้น ผลิตภัณฑ์หลักๆ ของเราตอนนี้จึงมีแค่กระเป๋าไก่บ้านและกระเป๋าสุ่มไก่ ในเมื่อเราจะมุ่งสู่การเป็นแฟชั่นยั่งยืนเราจะไม่กระตุ้นให้เกิดการซื้อที่มากเกินไป เราจะไม่ออกโปรดักท์ที่อิงตามกระแสโลก แต่จะให้โปรดักท์ของเราเป็นการสื่อสารเรื่องราวที่เราอยากจะพูดกับคนอีสาน นักออกแบบ เด็กๆ และคนไทยเราให้กลับมาภาคภูมิใจ กลับมามองรากเหง้าของตัวเอง และพยายามชี้ชวนว่าเป็นเรื่องสนุกที่ได้กลับมาค้นหาตัวเองและคุณค่าในบ้านของเรา แล้วการที่ได้มาร่วมกันค้นหาและเดินทางไปด้วยกันมันมีความสุขมากนะ แม้ว่าโควิดจะเป็นช่วงที่แย่ที่สุดของวงการแฟชั่น แต่เราก็ยังสามารถจะจับมือกันและเดินไปด้วยกันได้อย่างมีความสุข
“ความยั่งยืนของเราคือการเป็นแบรนด์ที่มีสติในการผลิต ในการบอกเล่าเรื่องราว โดยที่เคารพผู้สร้างสรรค์ทุกคนในนิเวศของเรา ผลิตภัณฑ์ของ BWILD ISAN จึงไม่เคยลดราคาเลย เพราะเราเชื่อและให้คุณค่ากับงานทำมือและช่างฝีมือที่เขาใช้เวลาเป็นวัน เป็นเดือน หรือบางทีเป็นปีในการสร้างสรรค์วัสดุและผลิตภัณฑ์ของเขาออกมา ที่สำคัญคือการทำงานด้วยความรัก เราไม่ได้ขายกระเป๋าแค่เป็นที่เก็บของ แต่เรากำลังส่งต่อเรื่องราวของตัวเรา ความสวยงามและความหวังของอีสาน เรื่องราวของการต่อสู้ของคนสร้างงานที่ต้องการจะอยู่ที่บ้านให้ได้ นี่คือจุดที่ยาก เราทุกคนยอมรับ แต่ทุกครั้งที่พวกเราเดินไปในแต่ละปี ได้เจอคนที่เข้าใจและรักในเรื่องราวของเรามากขึ้นๆ เรากลับพบว่าทุกคนมีความสุขมากขึ้น ซึ่งถ้าเราไม่ออกนอกเส้นทาง เราจะถึงจุดหมายในสักวัน จุดหมายที่อยากให้ช่างฝีมือและนักออกแบบของอีสานได้ทำในสิ่งที่เขาภูมิใจ ได้ทำให้ภูมิปัญญาของอีสานกลับมาเท่ในสายตาของคนรุ่นใหม่ ซึ่งมันจะเท่มากแน่ๆ ถ้าเราสามารถนำมรดกทางวัฒนธรรมและรากเหง้าที่แข็งแรงของเราไปต่อสู้กับเวทีโลก ทำให้ทุกคนต้องเหลียวหลังเลยว่าประเทศไทยมีดีอย่างนี้ด้วยเหรอ”
ฝันของเธอ ฝันของฉัน ฝันของเรา
เพราะเชื่อมั่นว่า ‘คน’ คือทรัพยากรที่มีค่าที่สุด ชมพู่จึงเลือกลงทุนกับการให้คุณค่า ‘คน’ เป็นอันดับหนึ่ง การทํางานของที่นี่จะมีความยืดหยุ่นสูง รับฟังกัน ทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างเท่าเทียม โดยแยกหน้าที่ดูแลงานตามความถนัด คอยสนับสนุน รวมถึงเรียนรู้และเดินไปพร้อมๆ กันเสมอ
“เราเซ็ตวิธีการทำงานมาตั้งแต่แรกว่า BWILD ISAN คืองานกลุ่ม เรามีเป้าหมายเดียวกัน ทุกคนในทีม แต่ละคนจะมีงานเดี่ยว มีความฝัน มีเป้าหมายในชีวิตของตัวเองว่าอยากทำอะไร อยากมีธุรกิจแบบไหน อยากเป็นคนแบบไหนในครอบครัว และในสังคม ที่ BWILD ISAN จึงทำงานกันแบบที่จะมาอยู่รวมตัวกันครึ่งเดือน ส่วนเวลาที่เหลือจะเป็นเวลาที่สมาชิกแต่ละคนจะได้ไปใช้ชีวิตในแบบที่อยากจะเป็น ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่โควิดให้มรดกแก่เรา
“ทุกคนที่นี่อาจจะต่างกันแบบสุดโต่งในเรื่องการใช้ชีวิต แต่เรามีความเชื่อเหมือนกันว่าอีสานเท่ เราต้องอยู่บ้านขายของได้ ที่สำคัญคือทุกคนมีความพยายามในการหาโอกาสเหมือนๆ กัน เราสร้างงานร่วมกับผู้อื่นเพื่อเสริมในสิ่งที่ขาดให้แก่ชุมชน เป็นการทํางานที่ไม่ใช่การแข่งขัน แต่เป็นการร่วมสร้างที่จะทำให้เรามีเพื่อนร่วมทางเพิ่มขึ้นๆ นี่เป็นสิ่งที่ทำให้แบรนด์แข็งแรงมากแบบไม่กลัวความล้มเหลว เพราะเราพร้อมที่จะลองใหม่เสมอ และในวันที่เราสามารถสร้างระบบที่ทุกคนจะเติบโตได้อย่างมั่นคงแล้ว เราจะสามารถส่งต่อโอกาสเหล่านี้ให้แก่ผู้อื่นได้ต่อไปเช่นกัน”
ทางสายกลางของชีวิต
“สิ่งที่เราได้จากการทำ BWILD ISAN คงจะเป็นความสุข ความพอดี และความสมดุลในชีวิตที่มีสังคมเป็นปลายทาง เราเคยทำธุรกิจเพื่อครอบครัว ทำงานเลี้ยงตัวเองไม่ได้ต่างกับทุกคน แม้แต่ช่วง 15 ปีของการทำร้านตัดเย็บ by Heart นั่นยังถือว่าเราทำงานเพื่อตัวเองอยู่นะ ความรู้สึกเวลาได้ชื่อเสียง เวลาคนชม มันดีใจแค่เรา ซึ่งจะต่างกับเวลาที่เราทำงานที่สามารถพูดได้ว่าเราทำเพื่อคนอื่นจริงๆ แล้วเป็นการทำเพื่อคนอื่นแบบตรวจสอบได้ด้วย ถ้าเราพูดว่าเราทำเพื่อคนอื่น นั่นหมายความว่าเขาจะต้องเกิดและเติบโตไปพร้อมกับเราได้ด้วย ทุกครั้งที่เรามียอดขายที่ดี นั่นหมายถึงน้องๆ ของเราจะต้องมีสิทธิ์เติบโตและมีชื่อเสียงไม่ว่าเขาจะอยู่ในบทบาทหน้าที่ใดก็ตาม
“ทุกคนมักบอกว่า BWILD ISAN ทำคอนเทนต์ในโซเชียลเก่งมาก แต่จริงๆ แล้วเราแค่ใช้ชีวิตผ่านการเดินทางของแบรนด์ เราไม่ได้แกล้งมีความสุขหรือประสบความสำเร็จบนโซเชี่ยล BWILD ISAN มาถึงทุกวันนี้ได้เกิดจากการเดินไปด้วยกันของทุกคนที่อยู่ในนิเวศของเรา ทั้งทีมงานและคนที่ซัพพอร์ตเรา ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ก็คิดว่าตัวเองคงจะตัดสินใจทำเหมือนเดิมและคิดว่าเราโคตรตัดสินใจถูกเลยที่ไม่ปล่อยมือใครไปเลย ไม่เคยหยุด ไม่เคยพักงานใคร ไม่เคยไล่ใครออกในสภาวะที่ทั้งประเทศนิ่งอยู่กับที่
“ตอนนี้เราก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว สิ่งที่จะต้องทำคือการเพิ่มภูมิคุ้มกันเพื่อทำให้แบรนด์เข้มแข็งขึ้นมากขึ้น เพราะชื่อเสียงหรือการเป็นที่รู้จักในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่สามารถการันตีได้ว่าเราจะรอดต่อไปในอนาคตไหม เวลานี้เราจึงวางโครงสร้างในการทำแบรนด์ที่พยายามปิดจุดอ่อนทุกจุดและจะต้องทำเชิงรุกกว่านี้ ซึ่งเราหวังว่าจะเจอพันธมิตรที่ดีที่จะเข้าใจแนวคิด ความเป็นมา และเรื่องราวของแบรนด์”
ชมพู่บอกกับเราว่า BWILD ISAN หมายถึงความกล้าที่จะเปลี่ยนสิ่งธรรมดาจากอีสานให้กลายเป็นสิ่งพิเศษ เป็นแบรนด์ที่มีปลายทางที่จะสร้างคุณค่าให้เกิดกับแผ่นดินบ้านเกิดของเธอ และส่งต่อภูมิปัญญาและโอกาสจากรุ่นสู่รุ่น ตลอดจนผลักดันให้ทุกฟันเฟืองได้เติบโตในเส้นทางของตัวเอง
“ถ้าวันหนึ่งที่ไม่มีเราอยู่แล้ว BWILD ISAN ก็สามารถดำเนินต่อไปได้ด้วยคนอีสานที่จะกลับมาโอบอุ้มกัน จนถึงวันหนึ่งอาจไม่จำเป็นที่จะมี BWILD ISAN แล้วก็ได้ เพราะทุกคนพออยู่พอกิน อีสานมั่งคั่งและแข็งแรงในทุกๆ ด้าน ไม่จำเป็นต้องมารวมตัวเพื่อสร้างโอกาสอีกต่อไป แม้วันนั้นไม่มีตัวเราอยู่ แต่เราก็จะภูมิใจเพราะว่าได้ทำทุกหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว เราคิดว่านี่จะเป็นการเริ่มต้นและเป็นจุดสิ้นสุดที่ใฝ่ฝันถึงเหมือนกันนะ (ยิ้ม)
–
เพิ่มเติม: www.bwildisan.com
ภาพ: จิณณไตญ ธนกฤตา / Jinnatri Thanakritta
