10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับ ‘คอมบูชะ’ (Kombucha)

Care / Self Care

สายสุขภาพต้องเคยได้ยินชื่อเครื่องดื่มที่เรียกกันว่า Kombucha (คอมบูชะ หรือ คอมบูชา) รวมทั้งสรรพคุณมากมายที่เล่าลือกันว่า คอมบูชะเป็น “ชาหมักเพื่อชีวิต” ที่ช่วยแก้ปัญหาได้ตั้งแต่ผมร่วงไปจนถึงป้องกันโรคมะเร็ง

แต่จริงๆ แล้ว คอมบูชะคืออะไร ประกอบไปด้วยส่วนผสมอะไรบ้าง และมีประโยชน์ต่อสุขภาพของเราแค่ไหนกัน วันนี้ เรามีความจริง 10 ข้อเกี่ยวกับคอมบูชะที่คุณควรรู้มาฝาก

1. ต้นกำเนิดจากจีน ชื่อจากคุณหมอเกาหลี

หลักฐานทางประวัติศาสตร์เชื่อว่า คอมบูชะมีต้นกำเนิดอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน เมื่อราว 220 ปีก่อนคริสตกาล โดยในสมัยนั้นเครื่องดื่มชนิดนี้ได้ชื่อว่ามีสรรพคุณในการเยียวยาสุขภาพหลายด้าน แต่ชื่อ Kombucha นั้นกลับมีที่มาจากแพทย์ชาวเกาหลี Dr.Kombu ที่เป็นผู้นำชาหมักชนิดนี้เข้าไปยังประเทศญี่ปุ่นเพื่อใช้รักษาจักรพรรดิอิงเงียว คอมบูชะเริ่มเป็นที่แพร่หลายในทวีปยุโรปราวต้นศตวรรษที่ 20 หลังจากมีงานวิจัยในสวิตเซอร์แลนด์ที่ระบุว่าคอมบูชะมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์เช่นเดียวกับโยเกิร์ต

2. ชาหมัก “คอมบูชะ” หมักจากอะไรบ้าง

คอมบูชะเป็นชาที่หมักจากชาดำหรือชาเขียว น้ำตาล ยีสต์ และจุลินทรีย์บางชนิด โดยในระหว่างกระบวนการหมักที่ใช้เวลาราวหนึ่งสัปดาห์จะเกิดกรดน้ำส้ม (acetic acid) กลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆ และแก๊สที่ให้ความซ่า นอกจากนั้น ส่วนผสมดังกล่าวยังทำให้คอมบูชะอุดมไปด้วยจุลินทรีย์สายพันธุ์ดี (Probiotics) เป็นจำนวนมาก

3. “คอมบูชะ” ดีต่อระบบย่อยอาหาร

เมื่อในกระบวนการหมักคอมบูชะก่อให้เกิดจุลินทรีย์สายพันธุ์ดีหรือโพรไบโอติกส์เป็นจำนวนมาก เครื่องดื่มชนิดนี้จึงส่งคุณประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหารของร่างกาย รวมทั้งยังอาจช่วยรักษาและป้องกันโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหารบางชนิด เช่น ท้องเสีย ลำไส้อักเสบ ลำไส้แปรปรวน ฯลฯ

นอกจากนั้น เมื่อร่างกายสูญเสียโพรไบโอติกส์จากการรับประทานอาหารที่ไม่สะอาดและการใช้ยาบางชนิด คอมบูชะยังช่วยทดแทนโพรไบโอติกส์ที่ขาดไป ทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ตามปกติและมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง

4. อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

เพราะมีส่วนประกอบหนึ่งจากชาเขียว คอมบูชะจึงอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญแคลอรี และลดไขมันหน้าท้อง 

5. ป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย

กรดน้ำส้มที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการหมักคอมบูชะมีคุณสมบัติช่วยกำจัดแบคทีเรียหรือจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย การดื่มคอมบูชะเป็นประจำจึงสามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย รวมถึงยีสต์แคนดิดา (Candida) ที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ โดยคุณสมบัติข้อนี้ของคอมบูชะจะส่งผลถึงแบคทีเรียที่เป็นอันตรายเท่านั้น แต่จะไม่ทำให้โพรไบโอติกส์หรือจุลินทรีย์สายพันธุ์ดีลดลงแต่อย่างใด

6. “คอมบูชะ” ดีต่อหัวใจจริงหรือไม่?

ชา โดยเฉพาะชาเขียว มีคุณสมบัติช่วยลดไขมันเลว (LDL) และรักษาสมดุลไขมันดี (HDL) ทำให้สามารถลดคลอเรสเตอรอลที่สะสมอยู่ตามผนังหลอดเลือดที่อาจนำไปสู่โรคหัวใจและหลอดเลือดได้

จากงานวิจัยที่ใช้หนูเป็นตัวทดลองยังบอกอีกว่า คอมบูชะที่มีส่วนประกอบหลักคือ ชาเขียว สามารถช่วยลด LDL และเพิ่ม HDL ได้ภายใน 30 วัน แม้ปัจจุบันยังไม่มีการทดลองในคนเกี่ยวกับประสิทธิภาพของคอมบูชะที่ส่งผลถึงโรคหัวใจและหลอดเลือดว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไรบ้าง แต่การทดลองในหนูดังกล่าว รวมทั้งความจริงที่ว่าผู้ที่ดื่มชาเขียวเป็นประจำมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคหัวใจน้อยกว่าคนทั่วไป 31% ก็ดูจะเป็นข้อมูลที่สนับสนุนความเป็นไปได้ว่า คอมบูชะน่าจะสามารถช่วยลดโอกาสเสี่ยงโรคหัวใจได้เช่นกัน

7. “คอมบูชะ” ลดน้ำตาลในเลือด ชัวร์หรือมั่ว?

เช่นเดียวกับคุณสมบัติในการลดไขมันเลวและเพิ่มไขมันดีในร่างกาย งานวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของคอมบูชะยังพบอีกว่า เมื่อทดลองให้หนูที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกินคอมบูชะติดต่อกัน 30 วัน ร่างกายของพวกมันจะย่อยคาร์โบรไฮเดรตได้ช้าลง ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงตามไปด้วย และในการทดลองกลุ่มตัวอย่าง 300,000 รายที่ดื่มชาเขียวเป็นประจำ ก็พบว่าคนกลุ่มนี้มีความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานลดลง 18% ซึ่งแม้ว่าเราอาจยังต้องการการทดลองประสิทธิภาพของคอมบูชะในคนมากกว่านี้ แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงว่า ชาเขียวที่มีอยู่ในคอมบูชะจะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและอาจส่งผลดีต่อผู้ป่วยเบาหวาน

8. “คอมบูชะ” อาจช่วยลดความเสี่ยงมะเร็ง

มีงานวิจัยในห้องปฏิบัติการที่พบว่า สารโพลิฟีนอล (Polyphenols) และสารต้านอนุมูลอิสระในคอมบูชะสามารถช่วยยับยั้งการกลายพันธุ์ของเซลล์ในร่างกายและป้องกันการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ แต่กลไกดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างไรนั้นยังคงต้องรอการศึกษาเพิ่มเติมที่มีรายละเอียดมากกว่านี้

9. กระบวนการหมักและภาชนะต้องถูกสุขอนามัย

แม้หลายคนจะเชื่อว่าคอมบูชะมีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายๆ ด้าน แต่อย่าลืมว่าการทดลองในมนุษย์ยังคงมีจำกัด และเรายังคงต้องการการศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบด้านอื่นๆ ของคอมบูชะด้วย นอกจากนั้น อีกสิ่งหนึ่งที่ลืมไปไม่ได้เลยคือ เราควรเลือกบริโภคคอมบูชะที่ได้รับการหมักอย่างถูกสุขอนามัย รวมทั้งบรรจุในภาชนะที่เหมาะสม เพราะกระบวนการหมักที่ไม่สะอาดจะก่อให้เกิดการปนเปื้อนเชื้อโรคที่เป็นอันตราย ส่วนภาชนะเหล็กและเซรามิกเคลือบ จะทำปฏิกิริยากับกรดในคอมบูชะ ก่อให้เกิดสารพิษที่เป็นอันตรายถึงขั้นร้ายแรงต่อชีวิตได้

10. ฉลาดเลือก

หากสนใจอยากลองหาคอมบูชะมาดื่ม เราแนะนำให้เลือกซื้อจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้ เพราะมีแนวโน้มว่าจะถูกสุขอนามัยและมีคุณภาพกว่าคอมบูชะแบบโฮมเมด โดยเฉพาะว่าคอมบูชะแบบโฮมเมดบางรายอาจมีปริมาณแอลกอฮอล์สูงถึง 3% ในขณะที่ของแบรนด์คุณภาพมีแอลกอฮอล์น้อยกว่า 0.5% ที่สำคัญอีกอย่าง อย่าลืมเช็คปริมาณน้ำตาลในส่วนผสมด้วย เพราะการจะดื่มคอมบูชะให้ได้ประโยชน์มากกว่าโทษ ไม่ควรจะมีน้ำตาลในปริมาณมาก

ในช่วงที่ผ่านมาคอมบูชะก็เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในกลุ่มคนที่รักสุขภาพ เนื่องจากข้อมูลหลายๆด้านเริ่มสนับสนุนคุณประโยชน์ของคอมบูชะ แต่อย่างไรก็ตามในคอมบูชะเองก็มีทั้งปริมาณน้ำตาลและปริมาณของแอลกอฮอล์ที่เป็นส่วนผสม ในการรับประทานก็ควรเลือกรับประทานในปริมาณที่พอดี ไม่มากเกินไปเพื่อสุขภาพที่ดีอย่างที่คุณต้องการ

ที่มา:
healthline.com
forbes.com
everydayhealth.com

บทความที่เกี่ยวข้อง