ในช่วงหลายปีมานี้ การออกกำลังกายกลายเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก คนกลับมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายกลางแจ้ง อย่างการเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ ไปจนถึงการออกำลังกายในร่ม ทั้งเวทเทรนนิ่ง ชกมวย โยคะ หรือพิลาทิส
นอกเหนือไปจากกิจกรรมเรียกเหงื่อที่ว่ามาแล้ว วันนี้ เราขอแนะนำ อีกหนึ่งการออกกำลังกายที่ประยุกต์หลักการของกีฬาประเภทต่างๆ ท้ังโยคะ ไทชิ ว่ายน้ำ ยิมนาสติก และการเต้นรำ เข้าด้วยกันได้อย่าง “Gyrotonic”
Gyrotonic คืออะไร
Gyrotonic หรือ ไจ-โร-โท-นิก ถูกคิดค้นขึ้นในปี 1977 โดยนักเต้นบัลเล่ต์และครูสอนโยคะชาวโรมาเนีย เชื้อสายฮังการี นามว่า Juliu Horvart ซึ่งหลังจากที่เขาได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่องในอาชีพนักเต้น Juliu จึงได้พัฒนาการออกกำลังดังกล่าวด้วยเป้าหมายใหญ่คือเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ ฟื้นฟูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และเพิ่มความคล่องตัวให้กับร่างกายตัวเอง โดยจำลองเอาลักษณะการเคลื่อนไหวแบบไร้ขีดจำกัดของทั้งปลาหมึก แมว และลิง มาประยุกต์ใช้กับการเคลื่อนไหวของมนุษย์ อีกทั้งยังผสานศาสตร์ของโยคะ ไทชิ ว่ายน้ำ ยิมนาสติก และการเต้นรำเข้าด้วยกัน
หลักการของ Gyrotonic
หากมองภาพรวม การออกกำลังประเภทนี้จะมีความคล้ายคลึงกับโยคะ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการหายใจและการเคลื่อนไหวร่างกายแบบต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็โฟกัสไปที่การสร้างความแข็งแรงให้กับแกนกลางลำตัวแบบเดียวกับพิลาทิส ทว่า Gyrotonic ก็มีเอกลักษณ์ของตัวเองเช่นเดียวกัน
ด้วยอุปกรณ์ชนิดพิเศษที่ Juliu ออกแบบขึ้น ซึ่งประกอบไปด้วยสายเคเบิลและลูกรอก นอกจากจะช่วยให้ผู้ฝึกสามารถเคลื่อนที่ไปมาได้อย่างคล่องตัว โดยใช้แรงต้านของน้ำหนักร่างกายที่จะช่วยลดแรงกระแทกของข้อต่อต่างๆ แล้ว ลักษณะโค้งของไม้บนตัวอุปกรณ์ยังสามารถปรับให้เข้ากับความแตกต่างของร่างกายและความสามารถทางกายภาพของผู้ฝึกแต่ละคนด้วยเช่นกัน ความพิเศษอีกอย่างของ Gyrotonic คือการที่อุปกรณ์และการออกแบบแต่ละแบบฝึกหัดนั้นทำให้ผู้ฝึกสามารถเคลื่อนไหวได้แบบ 360 องศา อีกทั้งยังสอดคล้องไปตามองศาการขยับของกระดูกสันหลังแต่ละข้อ การฝึก Gyrotonic จึงมีความเป็นธรรมชาติและปลอดภัยสูง
ประโยชน์จาก Gyrotonic
ด้วยการเคลื่อนไหวแบบวนเป็นวงกลมอย่างต่อเนื่อง เป็นจังหวะ โดยใช้หลักการเกร็ง ยืด และคลายกล้ามเนื้อในเวลาเดียวกัน โดยจะเน้นไปที่การเสริมสร้างกล้ามเนื้อส่วนแกนกลางลำตัวเป็นหลัก การออกกำลังกายด้วย Gyrotonic จะช่วยให้เนื้อเยื่อที่ห่อหุ้มข้อต่อ รวมทั้งกล้ามเนื้อมัดต่างๆ อันได้แก่กล้ามเนื้อแขน ขา ท้อง หลัง มีความแข็งแรงและกระชับขึ้น อีกทั้งยังช่วยพยุงแนวกระดูกสันหลัง ปรับโครงสร้างของร่างกาย บรรเทาอาการบิดโค้งของกระดูกตามแนวสันหลัง ช่วยลดอาการปวดหลังอันเนื่องมาจากการนั่ง ยืน เดิน ที่ไม่เหมาะสม อาการปวดจากโรคออฟฟิศซินโดรม พร้อมๆ ไปกับสร้างความยืดหยุ่นให้กับร่างกายได้ทุกส่วน
ไม่เพียงเท่านี้ การออกกำลังกายดังกล่าวยังช่วยกระตุ้นและสร้างความสมดุลให้กับระบบไหลเวียนโลหิต ซึ่งส่งผลดีต่อการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้ระบบประสาท อีกทั้งการผสานรูปแบบการหายใจแบบโยคะที่สอดประสานไปกับแต่ละท่วงท่า ก็ยังไปช่วยเพิ่มความสามารถในการนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายของผู้ฝึกด้วยเช่นกัน
เพราะเป็นหนึ่งในการออกกำลังกายแบบ low impact ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อข้อต่อต่างๆ ทั้งเอ็นร้อยหวาย หัวเข่า ข้อเท้า ส้นเท้า รวมถึงกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ Gyrotonic จึงเหมาะกับผู้ฝึกทุกวัย โดยไม่ก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บ และแม้ว่า Gyrotonic จะไม่ได้ช่วยเผาผลาญพลังงานได้มากเท่ากับการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ แต่กล้ามเนื้อของผู้ฝึกจะได้ออกแรงยืดและเหยียดไปทุกส่วน ซึ่งหากมีการเล่นอย่างสม่ำเสมอสัก 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ต่อเนื่องได้ 8 สัปดาห์ ก็จะพบว่ากล้ามเนื้อส่วนต่างๆ มีความกระชับ เรียว และเล็ก พร้อมๆ ไปกับการความรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า และมีสมาธิมากยิ่งขึ้น
ขอบคุณรูปจาก: Arch & Curl by Napat
อ้างอิง:
www.forbes.com
www.theguardian.com
www.smartbodymovement.com
www.archncurlbkk.wixsite.com
www.triyoga.co.uk
www.elitedaily.com
www.chicagohealthonline.com
www.gyrotonic.com