เพราะทุกวันนี้หลายคนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น โดยเลือกกินโปรตีนจากพืช เพิ่มขึ้นมากกว่าโปรตีนจากสัตว์เพียงอย่างเดียว ดังนั้น plant-based diet หรือ อาหารจากพืช จึงยังคงมาแรงต่อเนื่อง ซึ่งก็ไม่ใช่แค่เนื้อจากพืช (plant-based meat) เท่านั้นที่เป็นที่ต้องการ แต่เครื่องดื่มสุขภาพ อย่าง นมจากพืช (plant-based milk) หรือ นมทางเลือก (alternative milk) ที่ไม่ได้ทำจากนมวัวหรือสัตว์อื่นๆ ก็เป็นที่ต้องการเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน เพราะนอกจากหลายคนจะใช้ดื่มแล้ว นมยังเป็นส่วนประกอบสำคัญในกาแฟ เครื่องดื่มอีกหลากหลายเมนู และเบเกอรี่
ปัจจุบัน ถ้าลองไปเดินซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ คุณจะพบว่าชั้นวางสินค้าประเภทเครื่องดื่มนมนั้น ถูกนมทางเลือกหลากหลายชนิดเข้ามากระชับพื้นที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นนมอัลมอนด์ นมพิตาชิโอ นมข้าวโอ๊ต เป็นต้น เรียกว่าเยอะจนคุณอาจเลือกไม่ถูกว่านมทางเลือกแบบไหนกันแน่ที่เหมาะกับคุณ…
วันนี้ hhc Thailand ก็เลยขออาสามาแนะนำนมทางเลือกแต่ละประเภทให้คุณรู้จักกันมากขึ้นว่านมแต่ละแบบมีประโยชน์ รสชาติ และเหมาะจะนำไปใช้งานอย่างไรกันบ้าง
นมอัลมอนด์
นอกจากโปรตีนที่นมอัลมอนด์มีเหมือนนมวัวแล้ว นมอัลมอนด์ก็ยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ เช่น วิตามิน E โพแทสเซียม แมกนีเซียม วิตามิน B ฟอสฟอรัส ฯลฯ ซึ่งวิตามินเหล่านี้มีสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้อาจมีส่วนช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิดและลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีได้
นอกจากนั้น นมอัลมอนด์ไม่ใส่น้ำตาลหนึ่งแก้ว ให้พลังงานแค่ 30-60 แคลอรี และมีคาร์โบรไฮเดรตเพียง 1 กรัม ซึ่งเมื่อบวกกับประโยชน์ของแมกนีเซียมที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดแล้ว นมอัลมอนด์จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
อย่างไรก็ตาม เมื่อนมอัลมอนด์ให้พลังงานต่ำ มีไขมันน้อย และไม่มีแคลเซียม (หากผู้ผลิตไม่ได้เสริมเข้าไป) ดังนั้นนมอัลมอนด์จึงไม่เหมาะแก่เด็กที่กำลังอยู่ในวัยเจริญเติบโต เพราะอาจทำให้ขาดสารอาหารได้
ส่วนในการใช้ในการชงกาแฟนั้น ต้องบอกว่านมอัลมอนด์ทำคะแนนได้ดีทีเดียว เพราะหวานน้อย สัมผัสบางเบา และมีรสแบบถั่วที่ยิ่งเพิ่มรสชาติให้กาแฟ รวมทั้งยังตีฟองได้สวยงาม แต่ระวังนิดนึงเพราะผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่า นมอัลมอนด์ที่ไม่เติมน้ำตาลอาจไปทำให้กาแฟมีรสขมมากขึ้นได้ ส่วนนมอัลมอนด์ที่เติมน้ำตาลนั้น ถ้าดื่มมากไปก็อาจไม่ช่วยในเรื่องลดน้ำหนัก
นมพิสตาชิโอ
ถ้าว่ากันเรื่องสารอาหาร นมพิสตาชิโอก็ไม่ต่างจากนมอัลมอนด์เท่าไรนัก เว้นแต่ว่านมพิสตาชิโอมีวิตามิน B1, B6 (ที่ไม่พบในนมอัลมอนด์) โดยวิตามิน B จะช่วยลดผมร่วง และวิตามิน B6 ช่วยเพิ่มเซลล์เม็ดเลือดแดงและสร้างเฮโมโกลบินหรือโปรตีนในเซลล์หลอดเลือดแดงที่ทำหน้าที่นำออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ซึ่งเมื่อบวกกับธาตุเหล็กที่มีมากในนมพิสตาชิโอเช่นกันแล้ว ก็ทำให้นมชนิดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะเลือดจาง (anemia)
นอกจากนั้น ทั้งนมอัลมอนด์และนมพิสตาชิโอยังอุดมไปด้วยไขมันดีและวิตามิน E ที่ช่วยลดการอักเสบ ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะข้อเสื่อม (osteoarthritis) และวิตามิน E และ D ยังช่วยฟื้นฟูผิว ลดริ้วรอย
อย่างไรก็ตาม นมพิสตาชิโอให้พลังงานสูงมาก คือ ในหนึ่งแก้วให้พลังงานราว 140 แคลอรี ดังนั้นจึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
ส่วนในการใช้เป็นส่วนผสมในกาแฟนั้น ถ้าใครชอบสัมผัสแบบครีมและรสชาติแบบถั่วนิดๆ นมพิสตาชิโอถือว่าคือคำตอบ
นมข้าวโอ๊ต
ถ้าให้บรรดาบาริสต้าโหวตนมทางเลือกที่อยากเอามาใช้ในกาแฟและเครื่องดื่มอื่นๆ แทนนมวัวมากที่สุด นมข้าวโอ๊ตน่าจะเข้าวินเป็นอันดับต้นๆ เพราะมีความเข้มข้น ให้สัมผัสแบบเนยครีมแทบไม่ต่างจากนมวัว แถมยังมีรสมอลต์ธรรมชาติ ช่วยให้เครื่องดื่มมีรสชาติมากขึ้น
แต่ถ้าว่าในเรื่องคุณค่าสารอาหารโดยเปรียบเทียบกับนมอัลมอนด์ นมข้าวโอ๊ตมีไฟเบอร์มากกว่า (ราว 2 กรัม ต่อหนึ่งถ้วย) มีโปรตีนมากกว่า (ราว 3 กรัม ต่อหนึ่งถ้วย) แต่ก็มีแคลอรีและคาร์โบรไฮเดรตมากกว่าหลายเท่าตัวเช่นกัน นั่นคือ นมข้าวโอ๊ตหนึ่งถ้วยให้พลังงาน 120 แคลอรี และคาร์โบรไฮเดรต 16 กรัม
ความโดดเด่นอีกอย่างของนมข้าวโอ๊ตอยู่ที่มีเบต้ากลูแคน (Beta Glucan) ใยอาหารชนิดละลายน้ำที่อาจช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี เป็นต้น ที่สำคัญ เพราะเป็นนมจากพืชหนึ่งเดียวในลิสต์ของเราครั้งนี้ที่ไม่ได้ทำจากถั่ว นมข้าวโอ๊ตจึงเป็นทางออกสำหรับคนที่แพ้ถั่วและแพ้นมวัว
แต่ถ้าคุณเป็นโรคเซลิแอค (Celiac Disease) หรือ โรคระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองผิดปกติต่อกลูเตน (gluten) ควรระวังนิดนึง เพราะถึงแม้ข้าวโอ๊ตจะเป็นพืชที่ปลอดกลูเตนโดยธรรมชาติ แต่ในกระบวนการผลิตอาจมีการปนเปื้อนได้ โดยเฉพาะในโรงงานบางแห่งที่มีการผลิตเมล็ดพืชอื่นๆ ที่มีกลูเตนด้วย เช่น ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ แนะนำให้อ่านฉลากให้ละเอียด เพราะถ้าไม่มีกลูเตน ทางผู้ผลิตมักจะแจ้งให้เห็นชัดเจน
นมแมคคาดาเมีย
ในเรื่องคุณค่าสารอาหาร นมแมคคาดาเมียจัดว่าอยู่กลางๆ ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร แต่ก็ไม่มีอะไรโดดเด่น แต่ถ้าดูที่ปริมาณคาร์โบรไฮเดรตและไขมัน คือ นมแมคคาดาเมียหนึ่งแก้ว มีคาร์โบรไฮเดรตแค่ราว 1 กรัม แต่มีไขมัน 4-5 กรัม พูดง่ายๆ คือแป้งน้อย ไขมันมาก ดังนั้นนมชนิดนี้จึงเหมาะแก่ผู้ที่กำลังกินอาหารแบบคีโต (Ketogenic diet)
ส่วนในเรื่องรสชาตินั้น นมแมคคาดาเมียหวานเป็นธรรมชาติ จึงไม่จำเป็นต้องเติมน้ำตาลเข้าไป เมื่อบวกกับรสวานิลลาก็เรียกว่าเหมาะสำหรับท๊อปลงบนกาแฟ cold brew หรือว่า French press
นมถั่วเหลือง
เรารู้จักนมถั่วเหลืองกันดีอยู่แล้ว แต่เพราะรู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดี หลายคนจึงอาจมองข้ามความสำคัญไป รวมทั้งอาจไม่รู้ว่าถ้าเทียบกับนมจากพืชทั้งหมด นมถั่วเหลืองนี่แหละคือนมที่มีสารอาหารใกล้เคียงนมวัวมากที่สุด นั่นคือ ในขณะที่นมวัวหนึ่งแก้วมีโปรตีน 8 กรัม นมถั่วเหลืองไม่เติมน้ำตาลในปริมาณเดียวกัน มีโปรตีนใกล้เคียงมากคือ 7 กรัม แต่มีแคลอรีน้อยกว่า
ส่วนถ้าเทียบกับนมอัลมอนด์ นมถั่วเหลืองก็อุดมไปด้วยวิตามิน B และโพแทสเซียมเช่นกัน แต่ที่นมถั่วเหลืองมี แต่นมอัลมอนด์ไม่มีคือ โอเมก้า 3 (omega-3 fatty acids) ที่อาจช่วยลดความเสี่ยงภาวะสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์ นอกจากนั้น นมถั่วเหลืองยังมีสารไอโซฟลาโวน (isoflavones) ที่มีโครงสร้างคล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจน ดังนั้นการดื่มนมถั่วเหลืองเป็นประจำจึงสามารถช่วยลดอาการไม่พึงประสงค์ของวัยหมดประจำเดือนได้
สุดท้าย นมถั่วเหลืองราคาย่อมเยาและหาซื้อได้ง่าย และแม้จะไม่โดดเด่นนัก แต่ก็เข้ากันได้ดีกับกาแฟแก้วโปรดของคุณ
–
เป็นยังไงบ้างคะ เจอนมจากพืชที่เหมาะแก่ความต้องการของคุณกันหรือยัง แต่ก่อนจะเปลี่ยนจากนมวัวไปเป็นนมจากพืช เราอยากให้ระวังกันนิดนึงด้วย เพราะถึงแม้นมจากพืชจะมีประโยชน์มากมายและเหมาะสำหรับผู้ที่แพ้นมวัว หรือมีภาวะย่อยน้ำตาลแลกโตสบกพร่อง แต่นมจากพืชหลายยี่ห้อมักเติมน้ำตาลค่อนข้างมากเพื่อให้มีรสชาติอร่อย คุณจึงควรเลือกชนิดที่ไม่เติมน้ำตาลหรือน้ำตาลน้อย
นอกจากนั้นนมจากพืชมักมีแคลเซียมต่ำกว่านมวัว (หากผู้ผลิตไม่ได้เสริมแคลเซียมเข้าไป) คุณจึงควรกินอาหารที่มีแคลเซียมเสริมด้วย เช่น ไข่แดง ปลาทะเล และผักใบเขียว และพยายามหลีกเลี่ยงนมจากพืชที่ผสมสารปรุงแต่งอาหาร เช่น คาราจีแนน เพราะบางคนอาจเกิดอาการท้องอืดได้
–
ที่มา:
greenssteel.com
greenmatters.com
webmd.com
pobpad.com
iran-pistachios.com