Night Worker Syndrome: โรคที่คนทำงานกะดึกต้องระวัง

Health / Sleep

ในยุคสมัยปัจจุบันที่สังคมมีการดำเนินกิจกรรมตลอด 24 ชั่วโมง การทำงานนอกเวลาปกติหรือที่เรียกว่า “การทำงานกะดึก” กลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับหลายๆ อาชีพ ไม่ว่าจะเป็นพยาบาล เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พนักงานโรงงาน หรือผู้ให้บริการออนไลน์ อย่างไรก็ตาม การทำงานที่ขัดแย้งกับจังหวะชีวิต (Circadian Rhythm) ตามธรรมชาติของร่างกายสามารถนำไปสู่ภาวะที่เรียกว่า “Night Worker Syndrome” หรือ “Shift Work Sleep Disorder (SWSD)” ซึ่งเป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

Night Worker Syndrome หรือ Shift Work Sleep Disorder เป็นความผิดปกติของจังหวะชีวิตที่เกิดขึ้นจากการทำงานในเวลาที่ไม่ใช่เวลาปกติ นั่นคือการทำงานนอกเหนือจากช่วงเวลา 6:00-19:00 น. โรคนี้เกิดจากความขัดแย้งระหว่างนาฬิกาชีวภาพภายในร่างกาย (Internal Body Clock) กับสภาพแวดล้อมภายนอก

  • การทำงานกะกลางคืน (Night Shift)
  • การทำงานกะหมุนเวียน (Rotating Shift)
  • การทำงานช่วงเช้าตรู่ (Early Morning Shift: 4:00-7:00 น.)
  • การทำงานช่วงเย็น (Evening Shift)
  • การทำงานกะแบ่ง (Split Shift)

นาฬิกาชีวภาพของร่างกายมนุษย์ได้รับการควบคุมโดยศูนย์กลางในสมองที่เรียกว่า Suprachiasmatic Nucleus (SCN) ซึ่งตอบสนองต่อสัญญาณแสงเป็นหลัก เมื่อมีแสงแดด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้ตื่นตัว แต่เมื่อมืดลง ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin) ที่ทำให้เกิดความง่วงนอน

การศึกษาพบว่า Night Worker Syndrome พบได้ใน 10-40% ของผู้ที่ทำงานกะไม่ปกติ โดยมีผู้ป่วยประมาณ 1 ใน 5 ของผู้ทำงานกะที่มีอาการรุนแรงพอที่จะได้รับการวินิจฉัย

กลุ่มเสี่ยงสูง ได้แก่:

  • ผู้ทำงานกะหมุนเวียนอย่างสม่ำเสมอ
  • ผู้ทำงานกะกลางคืนเป็นประจำ
  • ผู้หญิงมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้ชาย
  • ผู้สูงอายุ (มากกว่า 50 ปี) มีความยากลำบากในการปรับตัวมากกว่า
  • ผู้ที่มีภาวะนอนไม่หลับอยู่แล้ว
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวอื่นๆ

อาการหลักของ Night Worker Syndrome ประกอบด้วย:

1. นอนไม่หลับ (Insomnia)

  • หลับยาก หลับไม่สนิท
  • ตื่นบ่อยระหว่างนอน
  • ตื่นเร็วเกินไป
  • รู้สึกไม่สดชื่นแม้หลับพอ

2. ง่วงนอนมากเกินไป (Excessive Sleepiness)

  • ง่วงนอนระหว่างทำงาน
  • หลับไปโดยไม่รู้ตัว
  • ลดลงของความตื่นตัวและสมาธิ
  • ปฏิกิริยาตอบสนองช้าลง

3. อาการแสดงออกทางร่างกายและจิตใจ

  • ปวดหัว
  • ขาดพลังงาน
  • สมาธิสั้น จำได้ไม่ดี
  • อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย หงุดหงิด
  • ซึมเศร้า วิตกกังวล
  • สมรรถภาพการทำงานลดลง

ผู้ป่วยโดยเฉลี่ยจะสูญเสียการนอนหลับ 1-4 ชั่วโมงต่อคืน ซึ่งส่งผลสะสมต่อสุขภาพในระยะยาว

การศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่า Night Worker Syndrome ส่งผลกระทบร้าายแรงต่อสุขภาพในหลายระบบของร่างกาย:

1. ผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด

  • เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ 40-50%
  • ความดันโลหิตสูง
  • หัวใจล้มเหลว
  • หลอดเลือดหัวใจตีบ
  • เพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง

2. ผลกระทบต่อระบบเมแทบอลิซึม

  • เบาหวานประเภท 2 (เพิ่มความเสี่ยง 37%)
  • โรคอ้วน
  • ความต้านทานต่ออินซูลิน
  • กลุ่มอาการเมแทบอลิก
  • ระดับคลอเลสเตอรอลผิดปกติ

3. ผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกัน

  • ภูมิต้านทานต่อโรคลดลง
  • เป็นหวัดบ่อย
  • การติดเชื้อง่ายขึ้น
  • การหายป่วยช้า

4. ผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์

  • ปัญหาเรื่องการมีบุตร
  • ความผิดปกติของรอบเดือน
  • ระดับเทสโทสเตอรอนลดลงในผู้ชาย
  • ปัญหาระหว่างตั้งครรภ์

5. ผลกระทบต่อสุขภาพจิต

  • ซึมเศร้า (เพิ่มความเสี่ยง 33-42%)
  • วิตกกังวล
  • ความเครียด
  • ปัญหาการใช้สารเสพติด

6. เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง

  • มะเร็งเต้านม
  • มะเร็งลำไส้ใหญ่
  • มะเร็งต่อมลูกหมาก

7. ผลกระทบต่อระบบประสาท

  • ความจำและสมาธิลดลง
  • การตัดสินใจช้าลง
  • ความสามารถในการเรียนรู้ลดลง

Night Worker Syndrome เป็นสาเหตุสำคัญของอุบัติเหตุทั้งในที่ทำงานและการเดินทาง การศึกษาพบว่า:

  • ผู้ที่นอนไม่พอมีประสิทธิภาพการทำงานเทียบเท่ากับผู้ที่มีแอลกอฮอล์ในเลือด 0.10%
  • อุบัติเหตุรถยนต์ส่วนใหญ่เกิดระหว่างเที่ยงคืนถึง 6:00 น.
  • ความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุในที่ทำงานเพิ่มขึ้น 89%
  • อุบัติเหตุรุนแรงหลายครั้งมีสาเหตุจากความเหนื่อยล้า เช่น เหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Three Mile Island และการรั่วไหลของน้ำมันเรือ Exxon Valdez

การวินิจฉัย Night Worker Syndrome ต้องอาศัยเกณฑ์จากองค์กรมาตรฐานสากล ได้แก่:

เกณฑ์การวินิจฉัยหลัก:

  1. มีอาการนอนไม่หลับหรือง่วงนอนมากเกินไปอย่างต่อเนื่อง
  2. อาการเกิดขึ้นเป็นเวลาอย่างน้อย 3 เดือน
  3. อาการเกี่ยวข้องโดยตรงกับการทำงานกะ
  4. การบันทึกการนอนหรือ Actigraphy แสดงรูปแบบการนอนผิดปกติอย่างน้อย 2 สัปดาห์
  5. อาการส่งผลกระทบต่อการทำงานและชีวิตประจำวัน

เครื่องมือในการประเมิน:

  • แบบบันทึกการนอน (Sleep Diary)
  • การตรวจ Actigraphy
  • แบบสอบถาม Karolinska Sleepiness Scale
  • การตรวจ Polysomnography (หากจำเป็น)

แพทย์จะต้องแยกโรคออกจากภาวะอื่นๆ เช่น Sleep Apnea, ภาวะซึมเศร้า หรือผลข้างเคียงจากยา

การรักษา Night Worker Syndrome เน้นการจัดการอาการและลดผลกระทบ โดยแบ่งเป็น:

1. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อม

การจัดการการนอน:

  • รักษาเวลานอนให้สม่ำเสมอแม้ในวันหยุด
  • สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการนอน (มืด เงียบ เย็น)
  • ใช้ผ้าปิดตา ที่อุดหู หรือเครื่องสร้างเสียงขาว
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดหลังเลิกงาน โดยสวมแว่นตากันแดด
  • งีบหลับ 30-60 นาทีก่อนเข้าเวร

การจัดการแสง:

  • ใช้แสงสว่างขณะทำงาน (2,000-10,000 lux)
  • หลีกเลี่ยงแสงสว่างก่อนเวลานอน
  • ใช้แสงบำบัด (Light Therapy) ตามคำแนะนำแพทย์

การปรับเปลี่ยนการทำงาน:

  • หลีกเลี่ยงการทำงานกะกลางคืนติดต่อกันเกิน 4 คืน
  • ขอเวลาพัก 48 ชั่วโมงหลังจากทำงานกะยาวติดต่อกัน
  • หมุนเวียนกะตามทิศทางไปข้างหน้า (เช้า-บ่าย-ดึก)

2. การดูแลสุขภาพทั่วไป

การออกกำลังกาย:

  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอแต่หลีกเลี่ยงก่อนเวลานอน 4 ชั่วโมง
  • เลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับรอบการทำงาน

การควบคุมอาหาร:

  • รับประทานอาหารเป็นเวลา หลีกเลี่ยงอาหารหนักก่อนนอน
  • ลดการบริโภคคาเฟอีนก่อนเวลานอน 6 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และบุหรี่
  • เลือกอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารจานด่วน

3. การรักษาด้วยยา

ยาช่วยให้ตื่น:

  • ยาที่ใช้ในการรักษาจะเป็นกลุ่มที่ช่วยลดอาการง่วงนอนขณะทำงาน แต่ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์

สำหรับผู้ใหม่:

  • เตรียมตัวล่วงหน้าโดยค่อยๆ ปรับเวลานอน
  • ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพขณะทำงานกะ
  • ปรึกษาแพทย์หากมีโรคประจำตัว

สำหรับครอบครัว:

  • ให้ความเข้าใจและสนับสนุนสมาชิกที่ทำงานกะ
  • ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการนอน
  • หลีกเลี่ยงการทำเสียงดังระหว่างเวลานอนของผู้ทำงานกะ

สำหรับนายจ้าง:

  • จัดให้มีแสงสว่างเพียงพอในที่ทำงาน
  • รักษาอุณหภูมิที่เหมาะสมเพื่อความตื่นตัว
  • จัดพื้นที่สำหรับพักผ่อนสำหรับผู้ทำงานกะ
  • ให้การฝึกอบรมเรื่องการดูแลสุขภาพ
  • มีการตรวจสุขภาพประจำปีสำหรับผู้ทำงานกะกลางคืน

การติดตามและประเมินผล

ผู้ที่ทำงานกะควรได้รับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะ:

  • ตรวจระบบหัวใจและหลอดเลือด
  • ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดและการทำงานของตับอ่อน
  • ตรวจสุขภาพจิต
  • การตรวจคัดกรองมะเร็งตามอายุ
  • ประเมินคุณภาพการนอนและระดับความง่วงนอน

Night Worker Syndrome เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้ทำงานกะดึก โดยส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การเข้าใจถึงสาเหตุ อาการ และแนวทางการจัดการที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง แม้ว่าจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการใช้ยาอย่างเหมาะสมสามารถลดผลกระทบและเพิ่มคุณภาพชีวิตได้อย่างมีนัยสำคัญ

ผู้ทำงานกะควรติดตามอาการของตนเองอย่างใกล้ชิดและปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานและชีวิตประจำวัน การดูแลสุขภาพอย่างรอบด้านและการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการนอนหลับที่มีคุณภาพจะช่วยให้สามารถทำงานกะได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย


แหล่งอ้างอิง

  1. American Academy of Sleep Medicine. International Classification of Sleep Disorders, Third Edition. 2014.
  2. Cleveland Clinic. Shift Work Sleep Disorder (SWSD): Symptoms & Treatment. 2017.
  3. Sleep Foundation. Shift Work Disorder: Overview and Complications. 2023.
  4. National Center for Biotechnology Information. Shift Work and Shift Work Sleep Disorder: Clinical and Organizational Perspectives. PMC6859247.
  5. Harvard Health Publishing. Shift work can harm sleep and health: What helps? 2023.
  6. Frontiers in Psychiatry. Shift work is associated with extensively disordered sleep, especially when working nights. 2023.
  7. Journal of Clinical Sleep Medicine. Research review on shift work and health consequences. 2022.
  8. Washington University School of Medicine. Shift Work Sleep Disorder. 2024.

บทความที่เกี่ยวข้อง