Circular Medical Device: นวัตกรรมอุปกรณ์การแพทย์หมุนเวียน

Care / Eco Tech

ลองนึกภาพว่าในทุกๆ วัน โรงพยาบาลและคลินิกทั่วโลกใช้อุปกรณ์การแพทย์นับล้านชิ้น ตั้งแต่ถุงมือยาง หน้ากากอนามัย ไปจนถึงเครื่องมือผ่าตัดที่ซับซ้อน หลังใช้งานครั้งเดียว อุปกรณ์เหล่านี้ส่วนใหญ่ก็จะถูกทิ้งลงถังขยะ สร้างภูเขาขยะทางการแพทย์ที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี แต่ถ้าเราบอกว่า มีวิธีที่จะเปลี่ยนแปลงวงจรนี้ได้ล่ะ?

“Circular Medical Device” หรือ อุปกรณ์การแพทย์แบบหมุนเวียน คือคำตอบที่กำลังปฏิวัติวงการการแพทย์โลก เป็นแนวคิดที่ท้าทายระบบเดิมๆ ที่เรียกว่า “take-make-dispose” หรือ เอามาใช้แล้วทิ้ง แล้วเปลี่ยนมาเป็นระบบหมุนเวียนที่ยั่งยืน ที่ทุกชิ้นส่วนมีค่าและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้

ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา โรงพยาบาลและคลินิกในประเทศที่พัฒนาแล้วหันมาพึ่งพาอุปกรณ์การแพทย์แบบใช้ครั้งเดียวทิ้งมากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะช่วยเพิ่มความสะดวกและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ แต่ก็มาพร้อมกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่รุนแรง

จากการศึกษาในวารสาร Health Affairs ระบุว่า ห่วงโซ่อุปทานของภาคการแพทย์สร้างก๊าซเรือนกระจกมหาศาล ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการผลิตและการทิ้งอุปกรณ์การแพทย์ นอกจากนี้ ระบบแบบเส้นตรงนี้ยังทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ เช่น:

  • ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่พุ่งสูงขึ้น จากการต้องซื้อของใหม่ตลอดเวลา
  • ขยะและมลพิษที่เพิ่มขึ้น ส่งผลเสียต่อสุขภาพของประชาชน
  • ห่วงโซ่อุปทานที่เปราะบาง ง่ายต่อการหยุดชะงักเมื่อเกิดวิกฤต เหมือนที่เราได้เห็นในช่วง COVID-19

วงการแพทย์จึงเริ่มหันมาสนใจ เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อย่างจริงจัง เพื่อค้นหาทางออกที่ยั่งยืนกว่า

แนวคิดของ Circular Medical Device มีหลักการง่ายๆ แต่ทรงพลัง นั่นคือ การรักษาสินค้าและวัสดุให้อยู่ในวงจรการใช้งานนานที่สุด แทนที่จะทิ้งหลังใช้ครั้งเดียว ระบบนี้แบ่งต้นทุนด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมไปตลอดช่วงเวลาและการใช้งานหลายครั้ง

องค์กรอุตสาหกรรมการแพทย์ยุโรป (MedTech Europe) อธิบายว่า การนำหลักการหมุนเวียนมาใช้ในภาคการแพทย์อาจมีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับประเภทของผลิตภัณฑ์ ความซับซ้อน และคุณค่าของวัสดุที่ใช้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องรักษามาตรฐานความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์

หลายคนอาจสงสัยว่า อุปกรณ์การแพทย์แบบไหนบ้างที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างปลอดภัย? จากข้อมูลของสมาคมผู้ประกอบการอุปกรณ์การแพทย์แบบ Reprocess (AMDR) พบว่า มีอุปกรณ์การแพทย์มากกว่า 300 ประเภทที่ได้รับการรับรองจาก FDA และมาตรฐาน CE ในยุโรป

อุปกรณ์เหล่านี้แบ่งเป็นหลายกลุ่ม:

อุปกรณ์ที่ไม่รุกรานร่างกาย เช่น:

  • เสื่อสำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
  • เครื่องมือวัดออกซิเจนในเลือด (Pulse Oximeter)
  • ถุงน่องบีบเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด

อุปกรณ์ผ่าตัดแบบรุกรานน้อย เช่น:

  • คีมและกรรไกรสำหรับการผ่าตัดส่องกล้อง
  • เครื่องมือกระดูก เช่น สว่าน ใบมีดผ่าตัด
  • สายสวนหัวใจสำหรับตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ

การนำอุปกรณ์เหล่านี้กลับมาใช้ใหม่ไม่ได้หมายความว่านำมาล้างแล้วใช้เลย แต่ต้องผ่านกระบวนการฟื้นฟู (Reprocessing) ที่เข้มงวด โดยบริษัทที่มีใบอนุญาตพิเศษ ซึ่งต้องรับผิดชอบต่อคุณภาพของสินค้าเหมือนกับผู้ผลิตต้นฉบับ

งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Sustainability ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ที่จับต้องได้ของระบบหมุนเวียน การใช้อุปกรณ์การแพทย์ที่ผ่านการ reprocess แล้วช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมใน 13 จาก 16 หมวดหมุด และที่น่าประทับใจที่สุดคือ ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและก๊าซที่ทำลายชั้นโอโซนลงมากกว่าครึ่งหนึ่ง เมื่อเทียบกับการใช้อุปกรณ์ใหม่

การศึกษาเรื่องการผ่าตัดต้อกระจกเปรียบเทียบระหว่างเครื่องมือแบบใช้ซ้ำกับแบบทิ้ง พบว่า เครื่องมือแบบใช้ซ้ำมีปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ต่ำกว่ามาก นอกจากนี้ เมื่อคิดต้นทุนตลอดอายุการใช้งาน อุปกรณ์แบบใช้ซ้ำยังประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่าแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งอีกด้วย

จากการศึกษาของสถาบันวิจัย Battelle และผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่ง ได้เสนอกลยุทธ์หลัก 6 ข้อเพื่อเปลี่ยนจากระบบเส้นตรงสู่ระบบหมุนเวียน:

1. ปฏิเสธ (Refuse) – ไม่ซื้อถ้าไม่จำเป็น

เริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามว่า สินค้านี้จำเป็นจริงหรือไม่? การเลือกซื้อวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตั้งแต่แรก จะช่วยลดปัญหาตั้งแต่ต้นทาง

2. ลดการใช้ (Reduce) – ใช้น้อยลง แต่ได้มากกว่า

ออกแบบเครื่องมือให้ใช้วัสดุน้อยลง ลดบรรจุภัณฑ์ที่ไม่จำเป็น หรือผสมผสานระหว่างชิ้นส่วนที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งกับส่วนที่ใช้ซ้ำได้

3. นำกลับมาใช้ใหม่ (Reuse) – ใช้ซ้ำอย่างปลอดภัย

ออกแบบอุปกรณ์ให้สามารถทำความสะอาดและฆ่าเชื้อได้ โดยเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงที่ทนทาน แม้จะต้องลงทุนมากกว่าในตอนแรก แต่คุ้มค่าในระยะยาว

4. ซ่อมแซม (Repair) – ซ่อมได้ ยืดอายุได้

ออกแบบให้ซ่อมแซมได้ง่าย มีอะไหล่เปลี่ยน ช่วยยืดอายุการใช้งานและลดการซื้อของใหม่

5. ฟื้นฟูใหม่ (Remanufacture) – เหมือนใหม่อีกครั้ง

นำชิ้นส่วนที่ยังดีกลับมาประกอบเป็นเครื่องมือที่มีคุณภาพเทียบเท่าของใหม่ ผ่านกระบวนการผลิตใหม่ที่ได้มาตรฐาน

6. รีไซเคิล (Recycle) – แยกแล้วนำกลับมาใช้

แม้จะเป็นทางเลือกสุดท้าย แต่การรีไซเคิลก็ยังดีกว่าการทิ้ง โดยเฉพาะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีโลหะมีค่าอยู่ภายใน

แม้ว่า Circular Medical Device จะดูเป็นแนวทางที่สมบูรณ์แบบ แต่การนำไปใช้จริงยังมีอุปสรรคหลายประการ จากการวิจัยในวารสาร ScienceDirect ระบุอุปสรรคสำคัญดังนี้:

  • ความกังวลด้านความปลอดภัย: แพทย์และพยาบาลบางท่านยังมีความกังวลเรื่องการติดเชื้อ แม้อุปกรณ์จะผ่านการฆ่าเชื้ออย่างเข้มงวดแล้วก็ตาม
  • กฎระเบียบที่ซับซ้อน: ระบบกฎหมายปัจจุบันให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ป่วยมากกว่าผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้การอนุมัติอุปกรณ์แบบหมุนเวียนใช้เวลานาน
  • ต้นทุนเริ่มต้นที่สูง: การลงทุนในอุปกรณ์คุณภาพสูงที่ใช้ซ้ำได้มีราคาแพงกว่าแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง
  • ความยุ่งยากในการรวบรวมและคัดแยก: อุปกรณ์การแพทย์มักทำจากวัสดุหลายชนิดปนกัน ทำให้ยากต่อการรีไซเคิล
  • ผลกระทบจากกระบวนการฆ่าเชื้อ: บางวิธีการฆ่าเชื้อ เช่น การใช้เอธิลีนออกไซด์ กลับสร้างมลพิษและก๊าซเรือนกระจกค่อนข้างสูง จนบางครั้งอาจไม่คุ้มค่ากับการใช้ซ้ำ

แม้จะมีอุปสรรค แต่โอกาสในการพัฒนาระบบหมุนเวียนก็เต็มไปด้วยความหวัง นักวิจัยจาก Delft University of Technology ได้เสนอคำแนะนำเฉพาะทางด้านการออกแบบ 29 ข้อ สำหรับการสร้าง Circular Medical Device ที่ไม่ประนีประนอมด้านความปลอดภัย คุณภาพ หรือประสิทธิภาพ

เทคโนโลยีใหม่ๆ กำลังเข้ามาช่วยเร่งการเปลี่ยนแปลง เช่น:

  • เทคโนโลยี Blockchain: ช่วยติดตามประวัติการใช้งานและการฟื้นฟูของอุปกรณ์แต่ละชิ้น สร้างความมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย
  • ปัญญาประดิษฐ์และ Big Data: วิเคราะห์รูปแบบการใช้งาน คาดการณ์ความต้องการ และเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทาน
  • แอปพลิเคชันคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์: เครื่องมือใหม่ที่ช่วยให้โรงพยาบาลคำนวณการลดก๊าซเรือนกระจกจากการใช้อุปกรณ์แบบ reprocess ได้อย่างแม่นยำ
  • นวัตกรรมด้านวัสดุ: การพัฒนาวัสดุใหม่ที่ทนทาน รีไซเคิลได้ง่าย และปลอดภัยต่อการฆ่าเชื้อหลายครั้ง

การเปลี่ยนแปลงสู่ระบบหมุนเวียนไม่ได้เกิดขึ้นได้จากผู้ผลิตหรือโรงพยาบาลเพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน:

  • ภาครัฐ: ปรับปรุงกฎระเบียบให้เอื้อต่อระบบหมุนเวียน โดยไม่ลดทอนมาตรฐานความปลอดภัย สนับสนุนการวิจัยและพัฒนา และให้แรงจูงใจทางภาษีกับองค์กรที่นำระบบนี้มาใช้
  • ผู้ผลิต: ออกแบบผลิตภัณฑ์ด้วยแนวคิดหมุนเวียนตั้งแต่เริ่มต้น เลือกใช้วัสดุที่ยั่งยืน และพัฒนาโมเดลธุรกิจแบบใหม่ที่เน้นการบริการมากกว่าการขายของ
  • โรงพยาบาลและคลินิก: ปรับเปลี่ยนนโยบายการจัดซื้อ เปิดใจรับอุปกรณ์แบบหมุนเวียน และให้ความรู้แก่บุคลากรเกี่ยวกับประโยชน์ของระบบนี้
  • บุคลากรทางการแพทย์: เปิดใจทดลองใช้อุปกรณ์แบบหมุนเวียนที่ได้มาตรฐาน ร่วมให้ข้อมูลป้อนกลับเพื่อการปรับปรุง
  • ผู้ป่วยและประชาชน: สร้างความเข้าใจและให้การสนับสนุนโรงพยาบาลที่ดำเนินการตามหลักความยั่งยืน

Circular Medical Device ไม่ได้เป็นเพียงเทรนด์ชั่วคราว แต่เป็นการปฏิวัติที่จำเป็นสำหรับอนาคตของระบบการแพทย์ ในยุคที่โลกเผชิญกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศและทรัพยากรที่ลดน้อยลง ภาคการแพทย์ซึ่งมีหน้าที่ดูแลสุขภาพของมนุษย์ ก็ต้องมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพของโลกเราด้วย

การเปลี่ยนแปลงอาจดูยาก แต่เมื่อมองย้อนกลับไป เราจะเห็นว่าวงการแพทย์เคยผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาแล้วหลายครั้ง ตั้งแต่การค้นพบเพนิซิลลิน ไปจนถึงการพัฒนาวัคซีน mRNA การปรับตัวสู่ระบบหมุนเวียนเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะทำให้ระบบการแพทย์ทั้งดูแลผู้ป่วยได้ดีขึ้น และดูแลโลกของเราไปพร้อมกัน

ทุกวันนี้ มีโรงพยาบาลและคลินิกนับพันแห่งทั่วโลกที่เริ่มนำระบบนี้มาใช้แล้ว พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่า เราสามารถให้การรักษาคุณภาพสูง ในขณะเดียวกันก็ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นที่ทางเลือกเล็กๆ แต่เมื่อรวมกันจะกลายเป็นพลังใหญ่

ระบบการแพทย์หมุนเวียนไม่ได้หมายความว่าเราต้องเลือกระหว่างสุขภาพของผู้ป่วยกับสุขภาพของโลก เราสามารถมีทั้งสองอย่างพร้อมกันได้ และนั่นคืออนาคตที่เราทุกคนสมควรได้รับ


แหล่งอ้างอิง

  1. “Circular economy for medical devices: Barriers, opportunities and best practices from a design perspective” – Resources, Conservation and Recycling (2024), ScienceDirect
  2. “Transforming The Medical Device Industry: Road Map To A Circular Economy” – Health Affairs Journal (2020)
  3. “Growing the Circular Economy in the Health Sector” – Association of Medical Device Reprocessors (AMDR), 2025
  4. “Circular economy of the materials in the healthcare industry: Opportunities and challenges” – ScienceDirect (2024)
  5. “Circular business models in the medical device industry: paths towards sustainable healthcare” – Journal of Cleaner Production (2020)
  6. “Circularity in healthcare” – MedTech Europe (2025)
  7. “Exploring Circular Economy Practices in the Healthcare Sector: A Systematic Review” – Sustainability Journal, MDPI (2024)

บทความที่เกี่ยวข้อง